Thursday, October 05, 2006

เรื่องพระอภัยมณีโดยย่อ

แต่ปางหลัง ยังมีพระนครหนึ่งชื่อ กรุงรัตนา มีท้าวสุทัศน์เป็นพระราชา พระมเหสีทรงพระนามว่าปทุมเกสร มีพระโอรสที่ทรงพระสิริโฉมงดงามสองพระองค์ พระองค์แรกทรงพระนามว่า พระอภัยมณี มีพระชันษาสิบห้าปี องค์ที่สองทรงพระนามว่า ศรีสุวรรณ มีพระชันษาสิบสามปี ท้าวสุทัศน์ผู้เป็นพระราชบิดามีพระราชประสงค์จะมอบสิริราชสมบัติให้พระโอรสทั้งสองปกครองบ้านเมือง จึงให้พระโอรสทั้งสององค์ไปเสาะหาอาจารย์ทิศาปาโมกข์ที่มีความรู้วิเศษเพื่อร่ำเรียนวิชา พระอภัยมณีและศรีสุวรรณได้ไปเรียนวิชากับพราหมณ์ทิศาปาโมกข์ผู้มีความรู้วิเศษสองท่านที่ บ้านจันตคาม โดยพระอภัยมณีเรียนวิชา เป่าปี่ ศรีสุวรรณเรียนวิชา กระบี่กระบองและกลศึก สิ้นเวลาเจ็ดเดือนก็จบสิ้นความรู้ของอาจารย์ และเดินทางกลับกรุงรัตนาไปกราบทูลพระราชบิดา ท้าวสุทัศน์ทรงกริ้วและขับไล่พระอภัยมณีและศรีสุวรรณให้ไปจากกรุงรัตนาในทันที โดยมิได้ซักถามรายละเอียดข้อดี - ข้อเสียของวิชาที่พระโอรสได้ร่ำเรียนมาให้ถ้วนถี่เสียก่อน พระอภัยมณีและศรีสุวรรณรู้สึกอับอายเหล่าอำมาตย์ ข้าราชบริพารมาก จึงชวนกันด้นดั้นหนีจากกรุงรัตนา เดินทางรอนแรมไปถึงหาดทรายชายทะเลใหญ่ได้พบกับพราหมณ์หนุ่มสามนายที่เป็นเพื่อนกัน คือโมรา สานนท์ และวิเชียร โมรามีความรู้ด้านเอาฟางหญ้ามาผูกเสกเป็นเรือสำเภาแล่นไปในทะเลและบนบกได้ สานนท์ มีวิชาเสกคาถาเรียกพายุลมฝนได้ ส่วนวิเชียร มีวิชายิงธนูได้คราวละเจ็ดลูก มีความแม่นยำจะให้ถูกตรงไหนก็ไม่ผิด พราหมณ์หนุ่มทั้งสามสงสัยวิชา เป่าปี่ ของพระอภัยมณี จึงขอให้พระอภัยมณีแสดงวิชาเป่าปี่ให้ฟัง พระอภัยมณีอธิบายสรรพคุณของปี่แล้วก็เป่าปี่ให้ฟังจนสามพราหมณ์และศรีสุวรรณได้ยินเสียงปี่และหลับไป นางผีเสื้อน้ำที่มีร่างกายโตใหญ่เท่าช้างออกหากินอยู่ในทะเลแถบนั้นได้ยินเสียงปี่ก็ลอบเข้าไปอุ้มเอาพระอภัยมณีไปเป็นผัวอยู่ในถ้ำทองในเกาะกลางมหาสุทร

ฝ่ายศรีสุวรรณกับสามพราหมณ์หนุ่มฟื้นจากหลับไม่เห็นพระอภัยมณีก็ตกใจ ตรวจดูบริเวณเห็นรอยเท้ายักษ์ ก็เข้าใจว่าคงมีผีเสื้อน้ำมาลักพระอภัยไป และพราหมณ์สานนท์ได้จับยามดูตามตำราแล้วทำนายว่ามีสตรีลักพาพระอภัยไปทางทิศอาคเนย์ ศรีสุวรรณและสามพราหมณ์จึงผูกสำเภายนต์แล่นตามพระอภัยไปจนถึงเมืองรมจักรได้พบกับสี่นางพี่เลี้ยงและนางเกษราพระธิดาท้าวทศวงศ์ ทุกคนตกหลุมรักกันเป็นคู่ๆ จนศรีสุวรรณและสามพราหมณ์อาสารบชนะศึกท้าวอุเทนได้อภิเสกกับนางเกษราครองเมืองรมจักร

ด้านพระอภัยมณีตกยากอยู่ในถ้ำทองเป็นสามีของนางผีเสื้อสมุทรอยู่หลายปี จนมีลูกชายอายุได้แปดปี ชื่อว่า สินสมุท มีรูปโฉมเหมือนกับพระอภัยมณี มีนัยตาสีแดงดังพระอาทิตย์ มีกำลังมากเหมือนช้างสาร พระอภัยผูกข้อมือลูกด้วยพระธำมรงค์ นุ่งด้วยผ้าเจียรบาด สินสมุท มีเชื้อนางผีเสื้อสมุทรดำน้ำได้นานเป็นวันๆ ยิ่งอยู่ในน้ำยิ่งมีกำลังมาก รักพระบิดามากกว่าพระมารดา เพราะมารดาชอบดุและขู่เข็ญ วันหนึ่งพระมารดาออกไปหากินนอกถ้ำ พระบิดาบรรทม สินสมุท วิ่งเล่นอยู่ในถ้ำตามลำพัง เล่นเรื่อยไปทางปากถ้ำเห็นแผ่นหินใหญ่ปิดปากถ้ำอยู่ ลองเอามือผลักหินก็เปิดออกมองเห็นหาดทรายสีเงินสวยงาม ท้องทะเลกว้าง มีป่าทางขวามือ สินสมุท เล่นทราย เล่นน้ำปล้ำปลา จับเงือกไปถวายพระอภัยมณี พระอภัยมณีตกใจกลัวนางผีเสื้อจะรู้ว่าลูกมีกำลังมากจะลักลอบพาพระบิดาหนี และได้เล่าเรื่องแต่หนหลังทุกอย่างให้ฟัง สินสมุท รู้ว่าพระมารดาเป็นยักษ์ก็เสียใจ ฝ่ายเงือกซึ่งรู้ภาษามนุษย์ฟังอยู่ก็เข้าใจ จึงทูลขอชีวิตแลพวกเงือกทั้งหลายจะขอเป็นข้ารองบาททุกอย่าง และแนะว่าให้ สินสมุท ปิดปากถ้ำไว้อย่างเดิม ส่วนตาเงือกจะเกลี่ยทรายให้เรียบร้อย เพื่อมิให้นางผีเสื้อล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้น พระอภัยมณีตรัสว่า พระองค์คิดจะหนีนางผีเสื้อ แต่ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน เงือกจึงเล่าเรื่องต่างๆในทะเลลึกให้ฟัง และแนะนำให้ไปพึ่งพระฤาษีที่ เกาะแก้วพิสดาร ใช้เวลาเดินทางอย่างเร็วเต็มที่เจ็ดวัน แต่นางผีเสื้อยักษ์ใช้เวลาเพียงสามวันก็จะตามทัน จึงต้องกะเวลาให้ดี ถ้าตกลงพระทัย อย่างไรก็ให้ สินสมุท ไปบอกที่หาดทรายจะอาสาพาไป ถึงแม้จะต้องตายก็ยอม

เมื่อจะต้องพลัดพรากจากลูก ผัว ในคืนวันนั้นนางผีเสื้อสมุทรฝันร้าย พระอภัยมณีได้ช่องเลยแนะนำให้นางผีเสื้อไปรักษาศีลในป่าเชิงเขาสามวันเพื่อแก้เคล็ด ส่วนพระอภัยมณีและสินสมุทรีบขี่บ่าเงือกผัว - เมีย รีบหนีไปเกาะแก้วพิสดารโดยมีลูกสาวเงือกว่ายน้ำตามไปติดๆ หนีไปได้ห้าคืน นางผีเสื้อน้ำก็ไล่ไปจวนจะทัน สินสมุท และเงือกเฒ่าผัว – เมียจะออกอุบายถ่วงเวลานางผีเสื้อน้ำอย่างไรๆก็ไม่อาจจะหยุดนางผีเสื้อสมุทรไว้ได้ ซ้ำถูกนางผีเสื้อจับเงือกหักขาฉีกสองแขนตายอย่างน่าสมเพท ก็พอดีลูกสาวเงือกแบกพระอภัยมณีไปถึงเกาะแก้วพิสดาร เพราะฤทธิ์คาถาพระฤาษีนางผีเสื้อสมุทรเข้าเกาะแก้วพิสดารไม่ได้ จึงได้แต่ร้องอ้อนวอนพระอภัยมณีอยู่ห่างๆ สินสมุทสงสารแม่ก็ได้แต่ร้องไห้

No comments: