Sunday, October 08, 2006

เรื่องย่อพระอภัยมณี(6)

ฝ่ายกรุงลังกาพวกเจ้าเมืองต่างๆแย่งกันอาสามาตีเมืองผลึก ทัพใครเอาชนะเมืองผลึกได้ก่อนจะได้ตราพระราหู ครองกรุงลังกา และจะได้อภิเษกกับนางละเวง
ทั้งเก้าทัพจึงรีบรุดมาทำศึกชิงนาง โดยแต่ละทัพหวังจะตีเมืองผลึกให้ได้ก่อนใครๆ พอมาถึงด่านปากน้ำก็เข้าโจมตีทันที ด้านพระอภัยมณีก็มัวแต่หลงรูปนางละเวงไม่เป็นอันที่จะคิดการศึก พระมเหสีสุวรรณมาลีต้องรวบรวมทหารทั้งหญิงชายออกสู้รบป้องกันพระนครไว้เป็นสามารถ จนถูกยิงด้วยธนูที่หัวไหล่ สุดสาคร เสาวคนธ์ และหัสไชย และทหารกรุงการะเวกช่วยนางสุวรรณมาลีสู้ศึกทั้งเก้าทัพอย่างเต็มที่ เมื่อศรีสุวรรณ และสินสมุททราบเรื่องจากทหารที่นางสุวรรณมาลีส่งไปตามที่กรุงรัตนาก็ยกกองเรือรีบรุดมา เผอิญเรือถูกพายุพัดออกนอกเส้นทางไปติดเกาะกลางทะเล ทหารที่ขึ้นไปหาฟืนหาน้ำบนเกาะถูกสิงโตเล็บทองแดงผัว – เมีย ไล่ สินสมุทออกไปต่อสู้ก็ฟันสิงโตไม่เข้าจับมันไม่ได้ ต้องเสกปลาให้กินจนมันหายโมโห เสกคาถาประพรมน้ำมนต์จนมันเชื่องทั้งพ่อ – แม่ และลูกอีกสองตัวนำขึ้นเรือเอาไว้ขี่ออกสงคราม การเดินทางกว่าจะถึงเมืองผลึกกินเวลาถึงเจ็ดเดือน สงครามเก้าทัพยังรบติดพันเมืองผลึกอยู่อย่างรุนแรง นางสุวรรณมาลีเล่าเรื่องต่างๆให้ศรีสุวรรณและสินสมุทฟังโดยละเอียด สินสมุทออกไปหาสุดสาครก็รู้ว่าเป็นน้อง จึงพาสุดสาครเข้าวังเพื่อแก้รูปผีสิงที่ทำให้พระอภัยมณีหลงไหล เมื่อรูปผีสิงถูกไม้เท้าพระเจ้าตาทำลายไปแล้วพระอภัยมณีก็กลับมาเป็นปรกติ ยกออกไปสู้รบกับเก้าทัพที่ยังล้อมเมืองผลึกอยู่ เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่พระราชวงศ์โดยเฉพาะพระอภัยมณีอยากดูฤทธิ์เดชของพระโอรสทั้งสองพระองค์ จึงให้ทำการรบแบบกษัตริย์สงคราม ซึ่งต่างฝ่ายไม่ต้องสูญเสียไพร่พล สินสมุท สุดสาคร และศรีสุวรรณ เอาชนะโดยสังหารเจ้าคุลา เจ้ากวิน และเจ้าละเมด ที่ต่างมีอาวุธวิเศษคนละแบบได้ แต่พอมาถึงรายจีนตั๋งตัวฝังเพชรคงทนศาสตราวุธ ใช้อาวุธร้ายทุรันน้ำมันไฟ ฟาดโดนใครไฟพิษติดท่วมตัว มันฟาดทุรันโดนสินสมุท และสุดสาครสลบทั้งสององค์ แถมยังฟาดถูกนิ้วมือถือกระบองของศรีสุวรรณจนพองแดงรักษาไม่บรรเทาเสียอีกด้วย นางเสาวคนธ์และหัสไชยเข้าต่อสู้ ยิงธนูถูกลูกตาข้างขวาของจีนตั๋ง ก็พอดีพลบค่ำจีนตั๋งจึงตีกลองอย่าทัพ
สินสมุท สุดสาคร สลบแก้ไม่ฟื้น ส่วนการบาดเจ็บของศรีสุวรรณ จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย สุดปัญญาของหมอที่รักษา แต่เนื่องจากเก้าทัพที่ยกมาตีเมืองผลึกในครั้งนี้เป็นศึกชิงนางละเวง พวกเจ้าเมืองที่ยกมาต่างก็ริษยากัน ไม่อยากให้ใครเป็นฝ่ายชนะเมืองผลึกก่อน จึงแอบมาบอกว่ายาแก้พิษทุรันน้ำมันไฟ คือ น้ำฝน แต่เนื่องจากเป็นหน้าแล้ง หาน้ำฝนไม่ได้ พราหมณ์สานนต้องทำพิธีเรียกฝน เอาน้ำฝนมาสรงน้ำสินสมุท และสุดสาครฟื้น ศรีสุวรรณหายจากพิษ พระอภัยมณีให้สานนเรียกพายุฝนลูกเห็บพัดใส่พวกเก้าทัพจนตั้งตัวไม่ติด และยกทหารเข้าโจมตีซ้ำทั้งกลางคืน พอรุ่งเช้าก็ได้ชัยชนะ
พระอภัยมณีตรัสให้พระมเหสีสุวรรณมาลีบำเหน็จรางวัลเหล่าทหารหาญชนะศึก รวมทั้งทหารเมืองการะเวกจนถ้วนทั่ว อำมาตย์เมืองการะเวกทูลพระอภัยมณีขอสุดสาครเป็นลูกเจ้าเมืองการะเวกตามที่รับสั่งมา พระอภัยมณีคิดการณ์ยกทัพไปตีเมืองใหม่เพื่อตัดศึก เพราะนางละเวงวัณฬาเพิ่งมีอายุแค่สิบเก้าปี ยังสาวหลอกให้เจ้าเมืองทั่วโลกมาตีเมืองผลึกได้ไม่หยุดหย่อน อาจจะมีสักคราวที่เมืองผลึกต้องพ่ายแพ้ เพราะฉะนั้นต้องตัดศึกด้วยการสังหารเจ้าเมืองลังกาต้นเหตุให้ได้ ศึกจึงจะระงับไปเอง พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ และสินสมุท จึงยกออกไปตีเมืองใหม่ของนางละเวง ขณะนั้นมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง กับระเด่นเซ็นระด่ำเมืองชวา สองทัพมาอาสานางละเวงจะไปตีเมืองผลึก ต้องจับฉลากเรียงลำดับออกรบกับทัพพระอภัยมณี มะหุด จับฉลากได้รบก่อนยิงปืนใหญ่ถูกพุงสินสมุทสลบตกเรือจมสะดือทะเล ทัพของศรีสุวรรณ และทัพหลวงของพระอภัยมณีตีทัพมะหุดแตกล่นถอยมา ทัพของระเด่นเซ็นระด่ำซึ่งจับฉลากได้รบทีหลังยกเข้าตีตลบหลังทัพมะหุดเพราะอิจฉาเข้าไปอีก ทัพพระอภัยมณี ศรีสุวรรณจึงตีทั้งทัพมะหุดและทัพระเด่นฯแตกพ่ายไม่เป็นท่า สินสมุทพอถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงถูกสลบตกลงไปในน้ำก็จมดิ่งลงไป แต่ครั้นน้ำขึ้นคลื่นก็ตีลอยขึ้นไปบนหาด ด้วยความเป็นลูกนางผีเสื้อ และเคยเรียนเวทมนต์มาจากพระเจ้าตา พอถูกแสงแดดและสายลมก็ฟื้น เห็นนางละเวงวัณฬานั่งอยู่ในเก้าอี้ทองบนป้อม ก็ชมว่าผู้หญิงคนนี้ช่างสวยจริงๆ และเป็นต้นเหตุของสงคราม ถ้าฆ่าให้ตายก็จะหมดเรื่อง แต่คิดอีกทีก็เสียดายความสวยงาม ถ้าจับเป็นได้ก็จะดี พอทหารเปิดประตูป้อมออกมาเพื่อห้ามศึกระหว่างมะหุดกับระเด่น สินสมุทก็วิ่งสวนเข้าไปไล่จับนางละเวงทันที นางละเวงรู้เพลงรบ วิ่งหนีปะปนไปกับพวกสาวสุรางค์นางกำนัล พอสินสมุทจะไล่ทัน นางละเวงก็ฟาดด้วยตราพระราหูจนสินสมุทสลบ พอถูกรุมจับสินสมุทก็ฟื้นถอยหลังกลับ กระโดดกำแหงไปจับมะหุดกับระเด่นไปถวายพระอภัยมณี
นางละเวงสั่งทหารให้ดัดแปลงป้อมใส่กรงเหล็กเป็นประตูกล ดัดแปลงรถเป็นกรงกล ถ้าใครขึ้นไปก็จะกลายเป็นกรงเหล็กครอบขังไว้ทันที ให้ทำรูปนางละเวงหลอกไว้ตรงที่เป็นกรงเหล็กหลายๆแห่ง พวกทัพเมืองผลึกโถมเข้าตีพากันติดกรงกลของนางละเวงจนครบถ้วน พระอภัยมณีเห็นเสียทีศึกจึงเป่าปี่ห้ามปรามณรงค์ ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายหลับไหลไม่ได้สติ ยังแต่นางละเวงเพราะมีตราพระราหูคุ้มครอง ด้วยความแค้นนางละเวงคิดแลกชีวิตกับพระอภัยมณี จึงทรงม้าถือธนูมาลอบยิงพระอภัยมณี ลูกศรอันแรกถูกปี่หลุดกระเด็น ลูกที่สองถูกเกราะพระอภัยมณี พระอภัยมณีชักพระแสงออกแกว่งสู้พอแสงไฟสว่างเห็นหน้านางละเวงก็หลงไหล จึงเจรจาเกี้ยวพาราศรีนางละเวง นางละเวงต่อรองให้ปลุกกองทัพให้ตื่นก่อน ทั้งเปล่ามนต์เสน่ฟ์ไปที่พระอภัยมณีแล้วชักม้าแฝงไฟหนีไป พระอภัยมณีต้องเป่าปี่เรียกนางกลับมา นางละเวงได้สติคิดว่าปี่นี้สำคัญนักขืนอยู่ฟังต่อไป ต้องตกหลุมรักพระอภัยมณีจนมีผัวแน่ๆ จึงขับม้าทิ้งกองทัพไปกรุงลังกาตามลำพังผู้เดียว ในระหว่างทางได้พลัดหลงป่าเข้าไปเขตเขาอังกาศ ต้องพักแรมคืนบนภูเขา พอรุ่งเช้าขณะที่วักน้ำล้างหน้าได้ยินเสียงธรณีลั่นสั่นสะเทือน เกิดนมพระธรณีขนาดเท่าน้ำเต้าทอง ลองชิมดูมีรสอร่อยชื่นใจ ม้าทรงวิ่งมาหาอ้าปากจะขอกินบ้าง นางละเวงกินจนอิ่มหมดไปครึ่งซีก จ้าวเขามาขอกินบ้าง นางละเวงจึงถามทางไปกรุงลังกา จ้าวเขาเล่าเรื่องนมพระธรณีหรือดินถนันให้นางละเวงรู้ แล้วชี้ว่าให้เดินทางเลียบเขาไปทางขวาจะได้ลาภปราบไพรี เพราะจะได้พบกับพระปีโปให้ไปถามท่านดู นางละเวงเดินทางต่อไปก็ถูกพวกโจรปล้นจนเกิดการต่อสู้ขึ้น ในขณะที่นางละเวงจะเสียทีโจรนั้นชาวบ้านสิกคารนำ หรือชาวบ้าน เขาเขียว ก็รีบรุดมาช่วยขับไล่พวกโจร นางละเวงพักอยู่ในหมู่บ้านสิกคารนำหนึ่งคืนได้พบพระปีโป พระปีโปสอนว่า ถ้าจะมีไมตรีกัน ก็จะผันผ่อนได้ดังใจปองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ “ที่มีปี่ก็เพราะมีหู ถ้าไม่มีหูก็ไม่มีปี่ และอำนาจฤทธิ์ก็สู้อำนาจปัญญาไม่ได้ นางละเวงจึงขอนางยุพาผกากับนางสุลาลีวันไปเป็นลูก พระปีโปและชาวบ้านสิกคารนำจัดรถทรงอย่างดีส่งเสด็จ ขบวนเดินทางของนางละเวงรอนแรมมาถึงถ้ำกลำพันตกกลางคืนเจ้าย่องตอดย่องเข้ามาสะกดจับม้ากินจนหมดสิ้น ติดใจจะกินมนุษย์อีกถูกนางละเวงใช้ตราพระราหูจับได้ ยอมรับใช้เป็นม้าลากรถแทนม้าที่ถูกจับกิน และพาไปตั้งศาลพระกาฬกำกัดผีจนเสร็จสิ้น

No comments: