Sunday, October 08, 2006

เรื่องย่อพระอภัยมณี(7)

นางละเวงเดินทางกลับถึงกรุงลังกา แบ่งดินถนันให้บาทหลวงกินพอดีทูตถือสารพระอภัยมาถึงนางละเวงบอกทหารให้รอข้างนอกก่อนเพราะกลัวบาทหลวงจะรู้ แต่ถึงกระนั้นบาทหลวงก็รู้จนได้ นางละเวงแก้ว่าเป็นกลศึกของนางที่จะเป็นไมตรีกับพระอภัยมณี บาทหลวงสอนว่าเป็นกลศึกก็ดี เพราะผู้ชายตายเพราะหญิงเสมอ นางละเวงตอบสารให้พระอภัยมณีฆ่านางสุวรรณมาลีพระมเหสีและญาติวงศ์ทางเมืองผลึกก่อนจึงจะยอมเป็นไมตรีด้วย ทำให้พระอภัยมณีอึดอัดใจ ศรีสุวรรณ กับสินสมุทรู้ทันแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงอาสาเข้าตีป้อมดงตาลพร้อมสามพราหมณ์ อิเรนนายด่านพร้อมทหารเอกและลูกสาวขับทหารออกสู้ด้วยความทรหด แต่ก็แตกพ่าย ตัวอิเรนถูกยิงด้วยธนูเต็มไปหมดแลดูเหมือนพู่ห้อย เห็นว่าข้าศึกคงคิดจะจับเป็น จึงให้อ้ายยันตังซึ่งเป็นศิษย์ตัดศีรษะตนเองตีฝ่าเอาไปถวายเจ้าลังกาเพื่อแสดงความจงรักภักดี นางละเวงแต่งตั้งนางรำภาสะหรีบุตรีของอิเรนเป็นนายด่านแทน ส่งให้ทหารมาช่วยรบป้องกันด่าน ฝ่ายพราหมณ์โมราดำริใช้เรือยนต์รบเพื่อบรรจุทหารแล่นอ้อมขึ้นเขาเข้าหลังป้อม
ทหารเมืองผลึกโจมตีชาวด่านแตกกระจัดกระจาย ศรีสุวรรณต่อสู้กับนางรำภาสะหรีนายด่าน อาวุธหลุดมือกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ศึกรบกลายเป็นศึกรักจนเกือบจะได้เสียกัน ก็พอดีผีอิเรนมาหลอกจึงต้องแยกจากกัน นางรำภาสะหรีเสียด่านพาทหารไปลังกา นางละเวงวัณฬารับเอาไว้เป็นน้องสาว แล้วให้นางยุพาผกาสุลาลีวันกับย่องตอดยอดทหารออกไปป้องกันด่านเขาเจ้าประจัญ นางยุพาผกาคิดอุบายให้ย่องตอดสะกดทัพจับเอาพวกนายทหารพระอภัยมณีไปลังกา แต่ย่องตอดจับได้แค่สามพราหมณ์ นางยุพาผกาให้ย่องตอดกลับไปจับใหม่ ย่องตอดถูกสิงโตของสินสมุทฟัด จับสินสมุทไม่ได้ แถมถูกสินสมุทฟันขม่อมจนสลบ พอแสงแดดแผดส่องอ้ายย่องตอดก็ฟื้นขึ้นมารบได้อีก เข้าต่อสู้กับสินสมุทจนหมดแรงต้องหนีไป ส่วนสามพราหมณ์พอสร่างมนต์สะกดของย่องตอด ฟื้นขึ้นมาก็รู้ว่าถูกจับ พราหมณ์สานนท์ร่ายมนต์เรียกพายุฝน สลัดเชือกที่ผูกหลุดหนีออกจากป้อมที่ขังเข้ารบกับทหารของนางยุพาผกา ทัพของนางยุพาผกา รำภาสะหรี สุลาลีวันเอาชนะไม่ได้ ได้แต่รักษาป้อมอยู่ จึงเขียนใบบอกแจ้งไปกรุงลังกา บาทหลวงให้นางละเวงลวงให้พระอภัยเป่าปี่พอไพร่พลหลับ ให้จับพระอภัยมณีฆ่าเสีย ส่วนศรีสุวรรณ สินสมุทและสามพราหมณ์กับทหารเมืองผลึกที่เหลือบาทหลวงรับจะเอาไฟเผากองทัพให้วินาศหมดสิ้น อุบายนี้นางละเวงไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะนางละเวงก็มีใจรักพระอภัยมณีอยู่มาก ตกกลางคืนนางละเวงฝันว่าบาทหลวงจุดไฟเผาทัพ พระอภัยมณีผวาเข้ามากอดนางละเวงจนกายคอดขาดกระเด็นเป็นสองท่อน นางยุพาผกาใช้ตำราของปีโปทำนายว่า พระอภัยมณีนอกจากจะไม่ตายตามอุบายแล้วยังได้นางละเวงด้วย ชาติและศาสนาฝรั่งจะเสื่อมลง ที่ว่าพระอภัยมณียื่นพระหัตถ์มาประคองนางละเวงไว้นั้น คือพระอภัยมณีจะรักษาสัจจะวาจาและจะรักนางละเวงตลอดไป ส่วนที่ว่าบาทหลวงเผาด้วยไฟอย่างรุนแรงนั้น หมายถึงบาทหลวงจะผูกโกรธราวกับไฟไม่ยอมหาย อีกอย่างหนึ่งพระปีโปเขียนหนังสือใส่แขนเสื้อมาเมื่อจนปัญญาให้เปิดออกดูก็ทำนายว่า อย่าฆ่าพระอภัยมณี เพราะเป็นคู่ของนางละเวงมาแด่ปางก่อน ถ้าพระบาทหลวงถามก็บอกว่าจะฆ่า จะมีผู้มีบุญจะมาช่วยได้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี และให้นางยุพาผกา นางสุลาลีวันทำตามแม่เลี้ยง นางรำภาสะหรีบอกว่า เมื่อทำศึกที่ด่านดงตาลตนได้ต่อตีกับศรีสุวรรณจนถึงกับปล้ำกัน ยังเหลือแค่จะเป็นผัวเมียกันเท่านั้น ทุกวันนี้ตนยังถือว่าศรีสุวรรณเป็นภัสดาของตนอยู่เลย ฉะนั้นถ้าศรีสุวรรณตายจะขอตายด้วย หนังสือมือเสื้อเขียนไว้ก่อนนานแล้วควรจะเชื่อถือได้ นางละเวงปรึกษาจะหย่าทัพอย่างไรจึงจะดี นางรำภาสะหรีออกอุบายว่าพวกเรายกออกไปรบกับพระอภัยมณีแล้วถ้าเธอไม่รบตามที่บอกมาในสาร เราก็ถอยทัพกลับเมือง เพราะเมื่อไม่ได้ทีจะฆ่าเขาได้อย่างไร ถ้าบาทหลวงรู้ จึงค่อยคิดแก้ไขเอาข้างหน้า นางละเวงกับพวกนางทั้งหลายทำเสน่ห์แล้วยกทัพไปพบพระอภัยมณีตามสัญญาว่าจะรบกันตัวต่อตัว พระอภัยมณีห้ามไม่ให้ผู้ใดทำร้ายนางละเวงเพราะหลงเสน่ห์ ศรีสุวรรณ สินสมุทก็พลอยหลงเสน่ห์นางรำภาสะหรี และนางยุพาผกาไปด้วย พระอภัยมณีฝันว่าจะมีเคราะห์ร้าย จึงให้สามพราหมณ์จัดพิธีเสดาะเคราะห์ให้ สามพราหมณ์ทูลห้ามว่าอย่าทรงเป่าปี่จะมีภัยใหญ่ ฝ่ายนางยุพาผกากับพวกคิดอุบายจะลักพาพระอภัยมณีไปกรุงลังกา จึงไปลวงบาทหลวงว่าให้แยกกันทำสงคราม แต่บาทหลวงก็ฉลาดบอกว่าถ้าฆ่าพระอภัยมณีได้ให้เอาผีไปให้ดูจึงจะเชื่อ นางยุพาผกาจึงกลับไปเตรียมการทุกๆอย่างเพื่อให้สมจริงตามอุบายที่คิดไว้ แล้วลอบไปเฝ้าพระภัยมณีโดยเอาผ้าสไบชุบเสน่ห์นางละเวงไปถวาย เพื่อหลอกให้พระอภัยเป่าปี่ พอทหารหลับก็ให้พระอภัยมณีปลอมเป็นสาวใช้นั่งท้ายรถทำทีเป็นบดยา นางรำภาสะหรีเอาเครื่องทรงพระอภัยมณีไปแต่งให้ศพทหารแล้วตัดคอทิ้งเพื่ออำพราง แล้วไปตะโกนบอกพระบาทหลวง ให้รีบดำเนินตามแผนการณ์ บาทหลวงมัวแต่ง่วงหลับกว่าจะปลุกทหารให้จุดไฟได้ก็เสียเวลาไปนาน จนพวกศรีสุวรรณ สินสมุท สามพราหมณ์และทหารฝ่ายพระอภัยมณีรู้ตัวตื่นขึ้นต่อสู้จนฝ่ายบาทหลวงแตกทัพกระจัดกระจาย แต่พอศรีสุวรรณ และสินสมุทตรวจพลก็พบว่าพระอภัยมณีหายไป ให้พราหมณ์ดูก็ทำนายว่า พระอภัยมณียังไม่ตายถูกผู้หญิงลักพาไป ต้นร้ายปลายดีไม่เป็นอะไร ศรีสุวรรณ สินสมุทจึงส่งทหารที่เก่งทางสะเดาะกุญแจ ย่องเบาอาชีพ และทหารพลางทำเสียงหมา – แมว เสียงไก่โดยสารว่าวกลของสามพราหมณ์เข้าไปสืบหาพระอภัยมณีในเมือง เห็นศพทรงเครื่องพระอภัยมณีถูกตัดคอห่อผ้า จึงเอาศีรษะศพมาถวาย บาทหลวงคิดกลลวงว่าจับเป็นพระอภัยมณีได้ ให้กองทัพศรีสุวรรณ สินสมุทถอยทัพกลับไป แล้วจะคืนพระอภัยให้ ศรีสุวรรณ สินสมุทไม่เชื่อ สินสมุทเอาเครื่องแต่งตัวของทูต ปลอมตัวเข้าไปในป้อมเที่ยวจุดไฟเผาที่ต่างๆ ศรีสุวรรณ กับสามพราหมณ์ยกเข้าป้อมได้สำเร็จ ครั้นเอาศีรษะศพมาต่อกับตัวศพต่อได้เข้ากัน แต่มิใช่พระอภัยมณีเพราะศพมีไฝที่แขน ก็รู้ว่าเป็นกลศึก จึงให้เอาศพทหารนั้นไปฝังเสีย นางละเวงวัณฬาให้พระอภัยมณีอยู่ในห้องเพื่อปิดไว้เป็นความลับ ส่วนนางละเวงหนีออกไปว่าราชการอยู่ภายนอก พระอภัยมณีหลงเสน่ห์เอ้กากลัดกลุ้มอยู่คนเดียวไม่ได้นางละเวงสักที จนนางยุพาผกากับนางรำภาสะหรีทิ้งป้อมเขาเจ้าประจัญมาถึงกรุงลังกา จึงหาอุบายให้พระอภัยมณีได้พบกับนางละเวง เพื่อให้นางละเวงอ้อนวอนให้พระอภัยมณีห้ามทัพศรีสุวรรณ สินสมุทกับสามพราหมณ์ที่ยกตามมาถึงกรุงลังกา ศรีสุวรรณ สินสมุทคิดอุบายทำเป็นราชสารจากพระอัยกา (ปู่)พระอัยกี(ย่า)กรุงรัตนาให้พระอภัยมณีรีบกลับไป พระอภัยมณีแกล้งประชวรไม่ยอมกลับเฝ้าแต่หลงเสน่ห์นางละเวงวัณฬา จนนางยุพาผกาคิดอุบายให้พระอภัยมณีผูกคอตาย แต่นางยุพาผกาแก้ไขทัน จนพระอภัยมณีได้นางละเวงในที่สุด

No comments: