Sunday, October 08, 2006

เรื่องย่อพระอภัยมณี(5)

หลังจากอุศเรนแพ้ศึกต่อสินสมุทต้องล่าทัพกลับกรุงลังกาได้ห้าปี ด้วยความแค้น อุศเรนและเจ้าลังกาพระราชบิดาก็ยกพลมาตีเมืองผลึกอีก เคราะห์ดีที่พระอภัยมณีส่งคนไปแฝงตัวคอยสอดแนมอยู่ในเมืองต่างๆคอยรายงานข่าวศึกให้ทราบอยู่ตลอดเวลา นางวาลีได้คิดกลศึกอย่างลึกซึ้ง ตีทัพเจ้าลังกาจนแตกพ่าย มิหนำซ้ำเจ้าลังกายังถูกนางวาลียิงด้วยเกาทัณฑ์ทะลุเกราะถึงสามลูก กองกำปั่นอุศเรนก็ถูกพระอภัยล่อให้ไล่ตามและถูกตีตลบหลังจนอุศเรนถูกจับตัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางวาลีทำทีเป็นแจ้งข่าวการบาดเจ็บของเจ้าลังกาให้อุศเรนได้ยินและเยาะเย้ยจนอุศเรนโกรธและเสียใจจนอกแตกตาย แต่ปิศาจของอุศเรนก็เข้าสิงนางวาลีจนตายไปเหมือนกัน ทำให้พระอภัยมณีและนางสุวรรณมาลีเสียดายนางวาลีเป็นอย่างมาก มีบัญชาให้จัดงานศพนางวาลีเจ็ดวันเจ็ดคืนมีมรหสพต่างๆรวมทั้งมวยหญิงอย่างสมเกียรติ พระอภัยมณีส่งศพอุศเรนพร้อมทั้งทหารและทรัพย์สินสิ่งของต่างๆที่แพ้สงครามคืนกรุงลังกา เจ้ากรุงลังกาบาดเจ็บด้วยถูกลูกเกาทัณฑ์ของนางวาลีอย่างสาหัสแล้ว ยังต้องโศกเศร้าเสียใจที่อุศเรนแพ้ศึกเสียชีวิตอีก จึงไม่สามารถดำรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ เสด็จสวรรคตตามไปอีกพระองค์หนึ่ง นางละเวงวัณฬาพระธิดาเจ้ากรุงลังกาจึงต้องถือตราพระราหูขึ้นครองราชกรุงลังกาสืบต่อไป นางละเวงวัณฬาเพิ่งเป็นสาวรุ่นมีอายุแค่สิบหกปี เป็นคนสวยมาก เพื่อแก้แค้นเมืองผลึกบาทหลวงจึงแนะนำว่า “กลก็การการก็กลกลปนการ” ให้นางละเวงเอาไปคิดดู นางละเวงจะถามบาทหลวงเท่าใดๆ บาทหลวงก็ไม่อธิบายให้เข้าใจ ส่วนพวกอำมาตย์ข้าราชการ ทุกคราวที่นางละเวงออกนั่งว่าราชการจะแต่งผู้เฒ่าให้ร้องตะโกนเตือนว่า “เมืองผลึกยิงบิดาท่านอาสัญ” เพิ่มความรู้สึกผูกพยาบาทเมืองผลึกในใจของนางละเวงมากขึ้นๆ
นางละเวงวัณฬาคิดการตามที่บาทหลวงบอกไม่ออก กระวนกระวายอยู่หลายวัน พวกพี่เลี้ยงจึงแนะให้ไปวัดเพื่อสอบถามท่านสังฆราชบาทหลวงให้รู้เรื่อง บาทหลวงอธิบายว่า “อันตราราหูนั้นเป็นของวิเศษใครๆก็อยากได้ ให้เขียนบอกไปว่าถ้าใคร่รบชนะเมืองผลึกจะให้ครองกรุงลังกา จะได้อภิเษกกับนางละเวงวัณฬา ให้วาดรูปนางละเวงส่งไปในประกาศนั้นด้วย ทำแบบนี้คิดว่าเจ้าเมืองต่างๆทุกเมืองจะรุมรบเมืองผลึกเมืองเดียว กลศึกนี้จารึกไว้ในคัมภีร์ไตรดายุค สังฆราชบาทหลวงสอนเล่ห์เสน่ห์ชายทำจากเครื่องหอมปนยากับแก้วตามนุษย์ แค่ผู้ชายเห็นหน้าก็รักใคร่แล้ว ยิ่งถูกมือหรือเข้าใกล้ก็จะรักถึงกับยอมตายเอาเลยทีเดียว แต่ต้องระวังอย่าไปรักผู้ชายเข้าก็แล้วกัน” นางละเวงสัญญาว่าจะทำตามและถ้าทำเสื่อมเสียก็จะยอมให้แล่เนื้อเอาเกลือทา
นางละเวงวัณฬาเฝ้าศึกษาท่องบ่นตำราของบาทหลวง เตรียมการต่างๆทำยาเสน่ห์ สอนกลเสน่ห์สตรีไว้หนึ่งร้อยคน ฝึกทหารหญิงยิงธนูรู้ศาสตราสามพันคน ฝึกหัดทหารผู้ชายอีกเป็นอันมากใช้เวลาถึงสองปี แล้วแต่งราชสารพร้อมส่งรูปวาดใส่เสน่ห์นางละเวงให้ให้อำมาตย์ราชทูตไปเชิญเมืองต่างๆ ทั้งออกมาสร้างเมืองใหม่ไกลจากกรุงลังกาในระยะเดินทางถึงสามวัน เป็นที่มั่นสำคัญอีกด้วย
เจ้าละมานเจ้าเมืองมนุษย์ยักษ์ฟันเสี้ยมกินแต่ปลาและเนื้อไม่กินข้าว เป็นเมืองแรกที่ได้รับสารรูปนางละเวงก็หลงไหล เร่งยกโยธาสิบห้าหมื่นไปตีเมืองผลึก หวังชิงเอานางละเวงก่อนใครๆ ถูกพระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพหลับไหล ให้ทหารเมืองผลึกจับมัดโซ่ตรวนใส่กรง เอาไปปล่อยเกาะในทะเล เจ้าละมานเสียใจที่แพ้ศึกและหารูปนางละเวงไม่พบ รวมทั้งอดอาหารด้วยเลยเป็นลมขาดใจตายอยู่กลางดิน เมื่อจะดับจิตคิดถึงแต่นางละเวง กลายเป็นผีสิงรูปกระดาษที่พระอภัยมณีเก็บไป
ฝ่ายพระอภัยมณีก็หลงรูปนางละเวงจนซูบผอม นางสุวรรณมาลีและเหล่าพระสนมแก้ไขอย่างไรก็ไม่หาย ลักรูปไปฉีกก็ไม่ขาด เผาไฟก็ไม่ไหม้ แถมมีปิศาจอาละวาดเสียอีกด้วย ต้องให้อำมาตย์ลงกำปั่นรีบไปตามศรีสุวรรณกับสินสมุทที่กรุงรัตนา
ส่วนสุดสาครเมื่อมาถึงเมืองการะเวกนั้นพระนางจันทรวดีมีพระโอรสเพิ่มมาอีกหนึ่งองค์ทรงพระนามว่า หัสไชย เวลาผ่านมาถึงสิบปีแล้วก็ยังไม่ได้พบพระอภัยมณี จึงไปลาท้าวสุริโยทัยเจ้ากรุงการะเวก ยกกำปั่นหนึ่งร้อยลำพร้อมทหารห้าหมื่นอาวุธครบมือและน้องอีกสององค์ คือ เสาวคนธ์ และหัสไชย ออกเดินทางท่องไปในทะเล ผ่านเกาะกาวินเพื่อจะเอาน้ำต้องสู้รบกับผีเสื้อกินคน ได้ดวงตากายสิทธ์สองข้างของตัวนายผีเสื้อยักษ์ให้น้องทั้งสองคนละดวง ล่องเรือไปในทะเลถึงสามเดือนก็เข้าเขตแดนของเมืองผลึก พระอภัยมณียังหลงรูปนางละเวงประชวรอยู่ ศรีสุวรรณ และ สินสมุทก็ยังไม่กลับมาจากกรุงรัตนา นางสุวรรณมาลีก็ไม่รู้จักสุดสาคร จึงโปรดให้สุดสาครจอดรออยู่ที่ปากอ่าว

No comments: