Thursday, October 19, 2006

นางสุวรรณมาลี สอนสินสมุทและนางอรุณรัศมีดูดาว

พระชนนีชี้ชวนชมดารา -------------- ให้หลานยาลูกรักรู้จักไว้
ดูโน่นแน่แม่อรุณรัศมี -------------- ตรงมือชี้ดาวเต่านั่นดาวไถ
โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไนย ------- ดาวลูกไก่เคียงอยู่เป็นหมู่กัน
องค์อรุณทูลถามพระเจ้าป้า ------- ที่ตรงหน้าดาวไถชื่อไรนั่น
นางบอกว่าดาวธงอยู่ตรงนั้น ------- ที่เคียงกันเป็นระนาวชื่อดาวโลง
แม้นดาวกามาใกล้ในมนุษย์ ------- จะม้วยมุดมรณาเป็นห่าโหง
ดาวดวงลำสำเภามีเสากระโดง ------- สายระโยงระยางหางเสือยาว
นั่นแน่แม่ดูดาวจระเข้ -------------- ศีรษะเหหกหางขึ้นกลางหาว
ดาวนิดทิศพายัพดูวับวาว ----------- เขาเรียกดาวยอดมหาจุฬามณี
โน่นดาวคันชั่งช่วงดวงสว่าง------- ที่พร่างพร่างพรายงามดาวหามผี
หน่อนรินทร์สินสมุทกับบุตรี ------- เฝ้าเซ้าซี้ซักถามตามสงกา
พระชนนีชี้แจงให้แจ้งจิต ------------ อยู่ตามทิศทั่วไปในเวหา
ครั้นดึกด่วนชวนสองกุมารา ------- เข้าห้องในไสยาในราตรี
พระอภัยมณีของสุนทรภู่ เล่ม ๑ อ้างแล้ว หน้า ๒๑๗.
การสอนเด็กๆตามสถานการณ์ต่างๆเช่นนี้ บิดา - มารดา และผู้ใหญ่ควรหาโอกาสสอนเด็กลูกหลานอยู่เสมอวันละเล็กวันละน้อย จะทำให้ลูกไทยฉลาดและเจริญเติบโตขึ้นมีความรู้อย่างกว้างขวาง สามารถแข่งขันกันเด็กทั่วโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย.

เวียนเทียน

เด็กๆจะมีคนไหนอยากตั้งคำถามว่า ทำไมจึงต้องเวียนเทียนบ้างไหม? น่าถามมากนะ ขนาดข้าพเจ้าเป็นคนแก่แล้ว ยังอดถามตัวเองอยู่บ่อยๆว่า “ทำไมจึงต้องเวียนเทียน” ทำอย่างอื่นจะไม่ดีกว่าหรือ?
ขอให้ลองเอาคำถามนี้ไปถามพระ ถามคุณครู หรือถามใครๆ ดู อาจได้คำตอบแปลกๆ แตกต่างกันไป แล้วแต่ภูมิปัญญาของท่านผู้ตอบนั้นๆ
ไม่เคยปรากฏว่า การเวียนเทียนนี้มีในศาสนาอื่น แค่จุดเทียนละก็เคยเห็นมีศาสนาอื่นเขาทำกันอยู่บ้าง เวียนเทียนนี่เห็นมีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น
ทำไมจึงต้องเวียนเทียน?
เอาแค่จุดเทียน แล้วเอาปากเป่าเพื่อดับเทียน อย่างที่นิยมในการแสดงความยินดีในวันเกิดของใครๆไม่ได้หรือ?
หรือจะเอาแค่อธิบายว่า เป็นประเพณีที่คนปฏิบัติสืบกันต่อๆมาอย่างนั้น จะหาเหตุผลไปทำไมให้เปลืองสมองอีกเล่า
แต่……ข้าพเจ้าคิดว่า คนโบราณท่านฉลาด ท่านคงอยากเตือนให้ลูกหลานหรือคนในชั้นหลังๆรู้ว่า “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา แห่งปัญญา ย่อมไม่มีการกระทำใดๆที่ทำไปอย่างไร้เหตุผล” อย่างแน่นอน เพราะทำโง่ๆไม่ได้ มันเป็นบาป
โดยเฉพาะ “แสงเทียนนั้นแทน พระธรรม ซึ่งเป็นปัญญาของโลก” การเวียน คือเดินรอบปูชนียสถาน ก็คือการดำเนินชีวิตของมนุษย์ซึ่งมีอันตรายอยู่รอบด้าน ถ้ามนุษย์เดินตามพระธรรม คือดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง โดยใช้ปัญญา เดินตามแสงสว่างแล้ว ชีวิตย่อมจะปลอดภัย ซึ่ง ย่อมจะดีกว่า ดำเนินชีวิตไปอย่างสุ่มเสี่ยงด้วยความมืด อาจตกลงไปในที่ชั่ว ได้รับความทุกข์ทรมานหรือถึงกับเสียชีวิต
คิดอย่างนี้ น่าจะเป็นเหตุผลที่เข้าเค้าอยู่นะ จะบอกให้/

Saturday, October 14, 2006

ดอกสร้อยสังคมไทย

คนเอ๋ยคนเฒ่า

ตัวของเจ้าอ่อนแอแย่แล้วหนา

มันฝ้าฟางทึบตึงซึ่งหูตา

ความชราเฒ่าชะแรแก่จนเชย

มีหลายคนถึงจะแก่ทำแน่อยู่

เรื่องเจ้าชู้ไก่แจ้แน่จริงเหวย

ทำเป็นคึกนึกสนุกทุกวันเลย

ผู้เฒ่าเอ๋ยไม่เจียมตนทนทุกข์เอย

คนเอ๋ยคนไทย

เป็นอะไรไปแล้วแม่แก้วเอ๋ย

มาวันนี้มีแต่ภัยกันใหญ่เลย

ไม่เสบยจำต้องเสี่ยงชีวิตตน

พ่อข่มขืนลูกสาวข่าวฉาวโฉ่

ปู่ ตา หน้าโง่ทำฉ้อฉล

จะวางใจใครไม่ได้สักผู้คน

แม่ของตนร่วมกับญาติปาดคอเอย

คลอดเอ๋ยคลอดทิ้ง

แม่ยอดหญิงหักคอล่อยัดถุง

ทิ้งขยะเป็นข่าวฉาวทั่วกรุง

ใจร้ายมุ่งเข่นฆ่าน่ากลัวครัน

เอาลูกสาวไปฝากไว้กับเพื่อน

กลายเป็นเหมือนส่งไปให้อาสัญ

ถูกข่มขืนทั้งสองคนจนมีครรภ์

คนคิดสั้นมีมากมายใจหายเอย

แบบเอ๋ยแบบอย่าง

ใครคิดบ้างอย่างดีดียังมีไหม?

ศีลธรรมนำชีวิตจิตของไทย

รอดพ้นภัยนานมาท่าจะตาย

มีแต่คนหน้าเป็นไทยใจฝรั่ง

ทุกคนคลั่งสวยรวยกันเหลือหลาย

คอรัปชั่น ตะบันกาม ตามสบาย

หมดยางอายกันแล้วแจ๋วจริงเอย

คุณเอ๋ยคุณสตรี

สะดือดีเปิดให้ดูหรูจริงหนอ

เน้นหน้าอกหน้าใจใหญ่เหลือพอ

เอาร่างล่อหมู่ชายให้ลายตา

อันสมบัติผู้ดีไม่มีแล้ว

พากันแจวจากไปไม่เห็นหน้า

สุภาษิตสอนหญิงดิ่งสุธา

ทั้งสวัสดิรักษาหมดท่าเอย

ข่มเอ๋ยข่มขืน

ช่างขมขื่นขืนใจกระไรหนา

มันเหี้ยมโหดโฉดชั่วมั่วกามา

ข่มขืนฆ่าน่าอนาถน้ำใจชาย

อันที่จริงหญิงมีส่วนกระตุ้นเขา

ทั้งแก่ เฒ่า เยาวชน คนทั้งหลาย

เสียสติ ลืมตัว กลั้วอบาย

เป็นผู้ร้ายติดคุกเป็นทุกข์เอย

สะวิงเอ๋ยสวิงกิ้ง

ทั้งชายหญิงพี่ไทยล้วนใจหาญ

เด็ก ผู้ใหญ่เปลี่ยนคู่ชู้ชื่นบาน

เกินโบราณล้ำฝรั่งคลั่งในกาม

จิตหมกมุ่นมัวเมาเอาสุดสุด

เกินมนุษย์ที่เขาทำมั่วส่ำสาม

สิ้นครอบครัว สิ้นศักดิ์ศรี สิ้นดีงาม

ได้แต่ความสมอยากลำบากเอย.

เรื่องเอ๋ยเรื่องนี้

ล้วนเคยมีอยู่ทุกเผ่าเก่านักหนา

สมัยก่อนพุทธกาลแต่นานมา

คนคิดว่าเป็นนิพพานก็ยังมี

จึงสวิงกันวุ่นวายคล้ายกับสัตว์

สารพัดสมสู่กันดู๋ดี๋

ไร้ซึ่งพ่อเผ่าพงศ์วงศ์ผู้ดี

หมดศักดิ์ศรีเสื่อมทรามสิ้นงามเอย

สวิงเอ๋ยสวิงกิ้ง

คุณผู้หญิงจะได้ยากลำบากหลาย

พอแก่ตัวหมดสวยจะซวยตาย

ไม่มีชายแวะเวียนมาเชยชม

ถ้ามีลูกบุญปลูกต้องทนทุกข์

หมดสนุกไร้คู่มาสู่สม

จะเหว่ว้าเปลี่ยวเปล่าเศร้าระทม

จะตรอมตรมตรากตรำตกต่ำเอย

คุณเอ๋ยคุณผู้ชาย

ถึงสบายได้สนุกก็ทุกข์หนอ

เกิดเป็นชายไร้ศักดิ์ศรีไม่ดีพอ

ความเป็นพ่อเกิดไม่ได้น่าอายใจ

เมื่อแก่เฒ่าใครเล่าจะชูช่วย

ถึงยามป่วยทุกข์ยากถลากไถล

จะไม่มีที่พึ่งพิงที่จริงใจ

เป็นคนไร้ค่าแท้แย่จริงเอย.

ซวยเอ๋ยซวยจริง

ถูกผู้หญิงกัดลิ้นดิ้นเลยหนอ

ข่มขืนเขาเมามัวชั่วเกินพอ

ถูกแม่ล่อลิ้นด้วนเกือบจวนตาย

ชาตินี้เห็นทีไม่มีรส

เหมือนจระเข้เหหดรสเหือดหาย

เป็นไอ้กุดหยุดหื่นฝืนใจกาย

ได้รอดตายมีแต่ทุกข์เข้าคุกเอย

ตำเอ๋ยตำรวจ

โดนเขาสวดก็ไม่อายใจร้ายเหลือ

ทั้งฆ่า ซ้อม ทรกรรมทำคลุมเครือ

ไม่มีเอื้อพิทักษ์ราษฎร์ขาดน้ำใจ

ใช้อำนาจขาดเมตตาน่าหัวเราะ

ถึงคราวเคราะห์นายทิ้งยิ่งไม่ไหว

สื่อประโคมโจมตีชีช้ำใจ

มีทุกข์ภัยสิ้นยศเสียหมดเอย.

ขังเอ๋ยขังลืม

ช่างด่ำดื่มนึกว่าสุขทุกข์เหลือหลาย

จนคลอดลูกในห้องขังซังกะตาย

มันโหดร้ายใช่มนุษย์สุดพรรณา

ห้องขังใช่อยู่ลับไม่แลเห็น

ทั้งเช้า เย็น เวรยาม ตามรักษา

แปดสิบสี่วันสั้นหรือคือเวลา

เกือบพรรษานานนักทุกข์หนักเอย.

เอาเอ๋ยเอาเปรียบ

นึกว่าเฉียบฉลาดล้ำนำหน้าหนอ

ซึ่งที่แท้ได้แก่โกงได้ลงคอ

เอาแต่ก่อเวรกรรมซ้ำเติมตน

ผู้พ่ายแพ้แน่ละจะผูกโกรธ

ล้วนเพิ่มโทษเราเขาเศร้าสับสน

ไม่เอาเปรียบแต่อุ่นเอื้อจึงเหนือคน

ไม่ปลอมปนจึงจะขาวยืนยาวเอย

ชาวเอ๋ยชาวบ้าน

หากหน้าด้านเอาเปรียบคนทั้งหลาย

มีแต่คนเกลียดชังซังกะตาย

เป็นผู้ร้าย,ภัยสังคมไม่สมควร

ยิ่งเป็นคณะรัฐบาลอ้างงานหนัก

ไม่ถือหลักคุณธรรมจะกำสรวล

งานสีเทาเอาเปรียบเฉียบลอยนวล

ยิ่งไม่ควรจะให้มีบัดสีเอย

ศรีเอ๋ยศรีธนญชัย

ฉลาดในเล่ห์เหลี่ยมเยี่ยมนักหนา

ฉลาดแกมโกงโด่งดังทั้งพารา

เลิศปัญญากว่าใครในธานี

คนชื่นชอบศรีธนญชัยมีใครบ้าง

เอาเยี่ยงอย่างทางปัญญาสง่าศรี

เป็นตัวเสี่ยงหลีกเลี่ยงเถียงบาลี

ตัวอย่างมีแต่โบราณนานแล้วเอย

โชคเอ๋ยโชคมนุษย์

มาม้วยมุดคลื่นยักษ์มันหักโหม

สึนามิโคตรโหดโลดจู่โจม

ทุกสิ่งล่มคลื่นคลั่งพัดพังภินท์

น่าสงสารนักท่องเที่ยวมาเอี่ยวด้วย

ชีพต้องม้วยลอยเน่าเฝ้าท้องสินธุ์

ลอยทะเลถมทับดับจมดิน

สินทรัพย์สิ้นหายศูนย์อาดูรเอย

วิปเอ๋ยวิปโยค

ถึงคราวโศกกำสรวลหวลโหยหา

มาพลัดพรากจากไปไม่กลับมา

มันเหว่ว้าเกินจะข่มระทมใจ

ยี่สิบหกธันวาปีสี่ เจ็ด

น้ำตาเล็ดไหลล้นปนน้ำไหล

เวลาแปดโมงกว่าน้ำตาไทย

อาบหัวใจไหลราดอนาถเอย

สุวรรณ พรหมณา


Wednesday, October 11, 2006

บิดามารดาเป็นครูคนแรก (บูรพาจารย์) ของลูก

ปัจจุบันพ่อแม่ทำหน้าที่ครูคนแรกของลูกน้อยมาก และมักพากันคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของตน ชาติไทยจะมีพลเมืองที่เป็นคนดีและเข้มแข็งสามารถแข่งขันกับชาติอื่นๆทั่วโลกได้ ส่วนหนึ่งที่สำคัญอยู่ที่พ่อแม่จะเป็นครูคนแรกของลูกได้หรือไม่และทำหน้าที่นี้ได้ดีและกว้างขวางลึกซึ้งได้เพียงใด มิฉะนั้นชาติไทยจะอ่อนแอและเต็มไปด้วยปัญหาที่ยากแก่การแก้ไข
พระอภัยมณีสอนสินสมุทให้เรียนวิชา
จะกล่าวกลับจับความไปตามเรื่อง ถึงบาทเบื้องปรเมศพระเชษฐา
องค์อภัยมณีศรีโสภา ตกยากอยู่คูหามาช้านาน
กับด้วยนางอสุรีนีรมิต เป็นคู่ชิดเชยชมสมสมาน
ต้องรักใคร่ไปตามยามกันดาร จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนองค์พระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดังสุริยฉาย
ทรงกำลังดังพระยาคชาพลาย มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา
พระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ก็รักใคร่ ด้วยเนื้อไขมิได้คิดริษยา
เฝ้าเลี้ยงลูกผูกเปลแล้วเห่ช้า จนใหญ่กล้าอายุได้แปดปี
จึงให้นามตามอย่างข้างมนุษย์ ชื่อสินสมุทกุมารชาญชัยศรี
ธำมรงค์ทรงมาค่าบุรี พระภูมีถอดผูกให้ลูกยา
เจียรบาทคาดองค์ก็ทรงเปลื้อง ให้เป็นเครื่องนุ่งห่มโอรสา
สอนให้เจ้าเป่าปี่มีวิชา เพลงศัสตราสารพัดหัดชำนาญ
พระอภัยมณีของสุนทรภู่ เล่ม ๑ อ้างแล้ว หน้า ๑๐๖

Sunday, October 08, 2006

สาระในด้านคุณธรรม จริยธรรม

บิดามารดาอนุเคราะห์บุตร ตามหลักปฏิบัติดังนี้
๑. ห้ามปรามป้องกันจากความชั่ว
๒. ดูแลฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. ให้ศึกษาศิลปวิทยา
๔. เป็นธุระเมื่อถึงคราวจะมีคู่ครอง
๕. มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาส
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) ธรรมนูญชีวิต ฉบับปรับปรุงใหม่ พิมพ์ครั้งที่ ๓ โรงพิม์การศาสนา ๒๕๔๔ หน้า ๔
ท้าวสุทัศน์ให้พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเรียนวิชา
จะเสกสองครองสมบัติขัตติยา แต่วิชาสิ่งใดไม่ชำนาญ
จึงดำรัสตรัสเรียกโอรสราช มาริมอาสน์แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร
พ่อจะแจ้งเจ้าจงจำคำโบราณ อันชายชาญเชื้อกษัตริย์ขัตติยา
ย่อมพากเพียรเรียนไสยศาสตร์เวท สิ่งวิเศษสืบเสาะแสวงหา
ได้ป้องกันอันตรายนครา ตามกษัตริย์ขัตติยาอย่างโบราณ
พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์ จงรีบรัดเสาะแสวงแห่งสถาน
หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญ เป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชาฯ
บัดนั้นพี่น้องสองกษัตริย์ ประนมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา
จึงทูลความตามจิตเจตนา ลูกคิดมาจะประมาณก็นานครัน
หวังแสวงไปตำแหน่งสำนักปราชญ์ ซึ่งรู้ศาสตราเวทวิเศษขยัน
ก็สมจิตเหมือนลูกคิดทุกคืนวัน พอแสงจันทร์แจ่มฟ้าจะลาจร
พระอภัยมณีของสุนทรภู่ สำนักพิมพ์ศิลปาบรรณาคาร พิมพ์จำหน่าย ๒๕๔๔ เล่ม ๑ หน้า ๑

เรื่องย่อพระอภัยมณี(16)

ด้านพระสังฆราชบาทหลวงรู้เรื่องการสู้รบตลอดเวลาเห็นว่าทางฝ่ายพระมังคลาสู้ไม่ได้ จึงปลุกระดมชาวเมืองให้ช่วยกันต่อสู้ และเผาวังลังกาเพื่อดึงความสนใจฝ่ายของพระหัสไชยให้ละการต่อสู้มาช่วยคนในวัง เกิดการโกลาหลวุ่นวายเพราะเพลิงติดเผาผลาญบ้านเรือนร้านตลาดลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เคราะห์ดีที่ทางฝ่ายพระหัสไชยมีทัพที่เหลือของนางละเวงและทัพของวาโหมมาช่วยอย่างเข้มแข็ง ตีต้านทัพของฝ่ายวลายุดา วายุพัฒน์ หัสกันและบาทหลวงแตกหนีไปด่านเขาเจ้าประจัญ พระมังคลาเห็นการศึกเสียทีครั้งแล้วครั้งเล่า จึงปรึกษาพระสังฆราชบาทหลวงว่าจะคิดการศึกอย่างไรจึงจะดี พระบาทหลวงคิดอุบายให้ทำหุ่นเลียนแบบพระอภัยมณีและพระราชวงศ์ ทั้งให้ทำหุ่นเลียนแบบฝ่ายนางสุวรรณมาลีและพระราชวงศ์ที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันในเมืองลังกา เพื่อชักหุ่นให้แต่ละฝ่ายเห็นขู่ให้ถอยทัพกลับ ครั้งแรกทัพฝ่ายนางละเวงกับสามนางบุตรีและนางสุวรรณมาลีและพระราชวงศ์ยกมาถึง ก็เอาหุ่นเลียนแบบพระอภัยมณีและพระราชวงศ์ออกขู่ จนทัพของนางละเวงต้องถอยทัพห่างออกไป ครั้นทัพพระอภัยมณีและพระราชวงศ์ยกมาถึงก็เอาหุ่นเลียนแบบนางสุวรรณมาลีและพระราชวงศ์ออกขู่ให้พระอภัยมณีถอยทัพกลับไป พระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพยึดป้อมเขาเจ้าประจัญได้จึงได้รู้ความจริงว่าเป็นกลศึก ขณะที่พระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพบาทหลวงกำลังนั่งดื่มสุราอยู่จึงคว้าเอาทองหยิบขยี้ปิดหูจึงไม่หลับ และเห็นว่าเสียทีข้าศึกจึงพาพระมังคลาเล็ดรอดหนีออกไป ส่วนวลายุดา วายุพัฒน์ หัสกัน พากันหลับถูกจับได้ทั้งสามคน พระอภัยมณีเข้าป้อมเขาเจ้าประจัญได้ ก็ให้อภัยโทษแก่ทหารเมืองลังกาทั้งหมด ส่วนพระนัดดาทั้งสามคนก็โปรดให้เอาไปถวายนางละเวงแล้วแต่จัดการ
ทัพของพระอภัยมณีตั้งฉลองชัยอยู่ที่ป้อมเขาเจ้าประจัญสามวันก็ยกไปเมืองลังกาเพื่อเตรียมการอภิเษกหัสไชยกับนางสร้อยสุวรรณและนางจันทร์สุดา
พระอภัยมณีให้สุดสาครถือสารไปเชิญเจ้ากรุงการะเวกและพระมเหสีเสด็จมางานอภิเษกพระหัสไชยกับสองพระธิดา และในคราวเดียวกันก็ให้อภิเษกสุดสาครกับนางเสาวคนธ์ที่ค้างมาจากครั้งก่อนด้วย ขบวนของเมืองการะเวกเสด็จมาด้วยความดีพระทัย พอเสด็จถึงเมืองลังกานางละเวงต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่ และเดิมได้ขอให้พระหัสไชยกับพระธิดาสร้อยสุวรรณและจันทร์สุดาอยู่ครองเมืองลังกานั้นพระมเหสีเมืองการะเวกขอเป็นให้สุดสาครกับนางเสาวคนธ์ครองกรุงลังกาแทน พระหัสไชยกับสองพระธิดาให้กลับไปครองเมืองการะเวก ด้านศรีสุวรรณลาพระอภัยมณีกลับไปเมืองรมจักรพร้อมกับคณะของท้าวทศวงศ์
สำหรับพระอภัยมณีแม้ว่านางสุวรรณมาลีและนางละเวงจะรักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกันดีก็ตาม แต่…..แต่ละนางก็เจ้าแง่แสนงอนไม่สนองพระประสงค์และพระอภัยมณีก็ไม่ตรัสบอกให้นางทราบตรงๆ พระอภัยมณีจึงเป็นไข้ใจ เบื่อหน่าย พอสินสมุทพาหมอมารักษาและอยู่ปรนนิบัติจนมีพระอาการค่อยคลายลง พระอภัยมณีตรัสว่าจะออกบวช ทั้งสองนางยังคิดว่าทรงแกล้งตรัส กลับทูลว่าก็จะตามออกบวชเป็นดาบสินีด้วย พระอภัยมณีจึงให้ประชุมพวกข้าเฝ้าเผ่าพงศ์พันธุ์ แล้วพระองค์ทรงสมาทานศีลห้าแต่งองค์เป็นดาบสเทศนาสั่งสอนพระประยูรญาติให้กลับไปดำรงค์ฐานันดรตามที่ได้แต่งตั้งไว้ นางสุวรรณมาลีและนางละเวงสองพระมเหสีฟังเทศน์จบก็แทบจะสลบ เพราะทราบว่าพระอภัยมณีได้ตัดขาดออกบวชตามที่ได้ตรัสไว้แล้ว จึงทูลขอบวชเป็นดาบสินีตามไปเป็นศิษย์ปฏิบัติพรหมจรรย์ด้วย พระอภัยมณีให้ทั้งสองนางทำสัตย์สัญญาว่าจะไม่เกี่ยวข้องเป็นผัว - เมียแล้วก็อนุญาต ฝ่ายสามบุตรีเลี้ยงของนางละเวงก็ขอบวชตามละเวงด้วย พระอภัยมณีให้กลับไปขออนุญาตจากสามีเสียก่อน ซึ่งสามีของแต่ละนางไม่มีใครอนุญาตให้บวชสักคนเดียว สินสมุทและสุดสาครทราบว่าพระดาบสและดาบสินีทั้งสามพระองค์จะเสด็จไปเดินป่าในวันรุ่งขึ้น ก็เกรงว่าจะลำบากมาก เพราะพระดาบสินีทั้งสองไม่เคยตรากตรำเดินป่ามาก่อนเลย จึงปวารณาว่าจะไปสร้างศาลาพระอาศรมถวาย และขอดูแลตามที่พระมุนีประสงค์ พระดาบสอภัยมณีก็อนุญาต สินสมุทและสุดสาครจึงนิมนต์ให้รั้งรออยู่ในวังลังกาอีกสิบห้าวัน แล้วรีบไปเลือกที่สร้างอาศรมบนเขาสิงคุตร์ซึ่งตำนานกล่าวว่าภูเขานี้เป็นหลักของเมืองลังกา เป็นที่ประดิษฐานรูปเจ้าสิงคุตร์บุตรพระอินทร์อยู่ท้ายภูเขา พระอภัยมณีและพระดาบสินีไปทรงพรตอยู่บนเนินเขามีนางรำภาสะหรี นางยุพาผกา นางสุลาลีวันคุมทหารพันนายเก็บส้มสูกลูกไม้เผือกมันถวายให้ทรงฉัน เพราะเขาสิงคุตร์อยู่ห่างจากเมืองลังกาแค่เดินทางเพียงสามวันเท่านั้น สินสมุทกลับไปครองเมืองผลึก สุดสาครและเสาวคนธ์ครองเมืองลังกา วาโหมกลับไปเมืองวาหุโลม เจ้าย่องตอดนั้นวอดวาย นางสุนีนั้นหายไป
จบเรื่องย่อพระอภัยมณีตอนที่ ๑ - ตอนที่ ๖๔

เรื่องย่อพระอภัยมณี(15)

กล่าวถึงพระหัสไชยเร่งขับสิงห์จะไปให้ถึงเมืองลังกาให้เร็วที่สุด เพราะแรงรักและคิดถึงนางสร้อยสุวรรณและนางจันทร์สุดา เข้าเฝ้านางละเวงวัณฬาถวายสารจากพระอภัยมณี นางละเวงอ่านสารแล้วก็เห็นด้วยสั่งมอบให้พระหัสไชยอยู่รักษาเมืองลังกา ให้สามนางบุตรีเลี้ยงคุมทัพไปช่วยกันคิดการและให้นำทหารมาทำน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดี และให้แยกเป็นสี่ทัพรวมสี่หมื่นยกออกไปช่วยพระอภัยมณีทำการรบ ครั้นยกไปถึงด่านเขาเจ้าประจัญ ทหารในป้อมไม่ยอมเปิดประตูให้เพราะถือรับสั่งพระมังคลา พวกทหารเก่าเข้าข้างนางละเวงวัณฬาเกิดการสู้รบกันเอง พวกทหารเก่าและทหารของนางสุลาลีวันทัพหน้าชนะทหารพระมังคลาต้องล่าถอยหนีออกนอกประตูป้อมไป นางละเวงวัณฬาจึงยึดป้อมด่านเขาเจ้าประจัญไว้ได้
ทหารที่แตกมาจากด่านเขาเจ้าประจัญไปเฝ้าพระมังคลาทูลให้ทราบว่าพระมารดาถอดพระมังคลาจากการเป็นเจ้าเมืองลังกาแล้ว เหตุการณ์เกิดแปลผันไปอย่างรวดเร็ว และในขณะนั้นทหารฝรั่งที่แตกมาจากการรบที่ด่านดงตาลเข้ามากราบทูลว่าฝ่ายพระอภัยมณีแก้เวทมนต์และล้อมด่านดงตาลไว้หมดแล้ว พระมังคลาถึงกับพูดไม่ออก จึงให้เชิญผู้วิเศษฝ่ายต่างๆมาปรึกษาว่าบัดนี้พระมารดาลงมาเป็นข้าศึกเพิ่มขึ้นจะสู้รบอย่างไรจึงจะได้เมืองลังกากลับคืนมา ส่วนผู้วิเศษต่างพากันทูลห้ามปรามว่าอย่าสู้พ่อ – แม่เลย จะกลายเป็นลูกอกตัญญูทรยศ พระมังคลาจึงให้จับผู้วิเศษจำโซ่ตรวนไว้รอการประหาร ผู้วิเศษทั้งนั้นกลับใช้เวทมนต์สะเดาะโซ่ตรวนหนีหายไป พระมังคลาจึงได้คิดว่าได้ทำผิดพลาดไปมาก แต่ก็เกิดมานะในการทำสงครามทวีมากยิ่งขึ้น สั่งให้พลปลอมปนเข้าไปอยู่ในป้อมเขาเจ้าประจัญเพื่อเป็นไส้ศึก แล้วยกไปตีเอาตอนกลางคืน เมื่อตีด่านเขาเจ้าประจัญได้แล้ว ค่อยตีเอาเมืองลังกาคืน
ฝ่ายนางละเวงและสามบุตรีเลี้ยงเห็นมีทหารฝรั่งมาเข้าด้วยก็สงสารจึงให้รับเอาไว้ แล้วแต่งสารและรับสั่งให้วาโหมเข้ามาเฝ้าเพื่อนำสารไปถวายพระอภัยมณี พระอภัยมณีทราบสารของนางละเวงแล้วก็มีความพอพระทัยอย่างยิ่ง จึงให้วาโหมกับกองทัพมืองวาหุโลมคอยระวังรักษาเมืองลังกา กองทัพพระอภัยมณีทุกฝ่ายยกเข้าตีได้ด่านดงตาล ส่วนวลายุดาและวายุพัฒน์ยกทหารเข้าตีด่านเขาเจ้าประจัญตามแผนการณ์ของพระมังคลา ทัพของนางละเวงวัณฬาและสามนางบุตรีเลี้ยงสู้ไม่ได้ต้องแตกทัพหนีเข้าป่าไปทางด้านสะพานยนต์
เมื่อวลายุดาและวายุพัฒน์ตีได้ด่านเขาเจ้าประจัญจากนางละเวงแล้ว ก็เร่งทหารยกไปตีเมืองลังกาในทันที พวกทัพเมืองการะเวกและวาโหมรู้ข่าวศึกจะเข้าตีเมืองลังกาก็รีบยกพลด้นป่าไปจะช่วยป้องกันเมือง แต่ไปพบกันกับนางละเวงจึงพากันรีบเดินทัพกลับไปเมืองลังกา ฝ่ายหัสกันที่แตกมาจากด่านดงตาลเข้าไปทูลพระมังคลาให้ทรงทราบ ส่วนพวกทหารที่มาจากการรบที่เขาเจ้าประจัญรายงานว่าทัพของวลายุดาและวายุพัฒน์ตีด่านเขาเจ้าประจัญได้ พระมังคลาดีใจจะได้ใช้ด่านเขาเจ้าประจัญเป็นที่มั่นเพื่อทำสงครามต่อไป จึงสั่งให้หัสกันจัดทัพจะยกไปช่วยวลายุดาและวายุพัฒน์ตีเอาเมืองลังกา
ทัพของวลายุดาและวายุพัฒน์ที่ยกไปตีเมืองลังกาได้สู้รบกับทัพของเมืองการะเวกของพระหัสไชย กองทัพฝรั่งสู้ไม่ได้ พอจวนค่ำพระหัสไชยเห็นว่าวลายุดาและวายุพัฒน์เป็นพงศ์เผ่าของสุดสาครก็ไม่คิดจะฆ่า แต่จะสอนให้รู้ฝีมือไว้บ้าง พอได้ทีตีวลายุดากับวายุพัฒน์พลัดตกจากหลังม้า แต่ไม่ฆ่าปล่อยให้ทั้งสองคนขึ้นหลังม้ากลับมาสู้รบต่อไปจนมืดค่ำ

เรื่องย่อพระอภัยมณี(14)

ส่วนหัสไชยอยู่เมืองการะเวกรู้ข่าวว่านางสุวรรณมาลีกับพระบุตรีถูกพวกลังกาจับไป ก็ร้อนใจขออนุญาตพระบิดายกไปรบเมืองลังกา ซึ่งท้าวสุริโยทัยก็อนุญาตแต่เตือนว่าอย่าประมาทในการสงคราม หัสไชยเร่งรีบยกไป พอเข้าเขตเมืองลังกาก็ยกเข้าตีในทันที การรบในวันแรกฝ่ายลังกาแตกพ่ายเสียหายมาก พระมังคลาจึงปรึกษาวางแผนการรบใหม่ เมื่อเปิดศึกรบวันที่สองต่างก็รู้กลการศึกซึ่งกันและกัน พระมังคลาคิดกลศึกเผาเรือหัสไชยแตกหนีขึ้นบนฝั่งขาดเสบียงอาหาร ทัพเมืองการะเวกจึงคิดการเข้าปล้นค่ายฝรั่งในกลางคืนได้สู้รบกันเป็นสามารถ พอตกสายทัพของสุดสาคร นางเสาวคนธ์ และวาโหมก็ยกมาถึงก็เข้าช่วยกองทัพของพระหัสไชยตีทัพเมืองลังกาแตก ยึดได้ป้อมชายน้ำและเสบียงอาหาร เมื่อสุดสาคร นางเสาวคนธ์พบกับหัสไชยสอบถามเรื่องราวต่างๆกันแล้ว นางเสาวคนธ์แนะว่าการรบคราวนี้เป็นการรบเกี่ยวเนื่องกับญาติ ควรจะรอทางพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณก่อนว่าจะโปรดอย่างไรเพื่อไม่ให้ขาดทางไมตรีกัน แต่หัสไชยบอกว่าพวกลังกาไม่ใช่เผาเมืองการะเวกเท่านั้นยังยกไปตีเมืองผลึกและเมืองรมจักรจับเอานางสุวรรณมาลี กับบุตรีทั้งสองนางและท้าวทศวงศ์ พระมเหสี พร้อมนางกำนัลเมืองรมจักรมากักขังด้วย จะรอช้าเนิ่นนานไปเกรงว่าตัวประกันจะยิ่งบอบช้ำมากขึ้น นางเสาวคนธ์จึงบอกว่าถ้าเช่นนั้นจะขึ้นไปเจรจากับพระมังคลาให้คืนนางสร้อยสุวรรณและนางจันทร์สุดาดู ถ้าไม่ยอมเราจึงค่อยสู้รบ ขอให้ทำสารแจ้งข่าวไปทางเมืองการะเวกว่านางเสาวคนธ์กับสุดสาครได้เข้ามาสมทบช่วยรบแล้ว ขอให้เมืองผลึกช่วยส่งเสบียงเลี้ยงทหารด้วย
ตกกลางคืนพระมังคลาปรึกษาทัพลอบให้ทหารเจ้าละมานดำน้ำเข้าไปลอบเผาเรือ เกิดสู้รบกันขึ้น จนฝ่ายข้างพระหัสไชยเสียป้อมชายน้ำที่ยึดได้ นางเสาวคนธ์จึงให้ทหารปลอมเป็นทหารฝรั่งแทรกเข้าไปอยู่ในกองทัพของพระมังคลาเพื่อตีเอาด่านเมืองใหม่ แล้วเตรียมทัพแบ่งเป็นห้าสิบสองกองกับทหารเมืองวาหุโลมเข้าโจมตี ให้สุดสาครไปดักสกัดด้านชายเขาคอยจับพระมังคลาที่จะหนีไปทางนั้น เมื่อการรบได้เริ่มขึ้นทหารของนางเสาวคนธ์หัสไชยก็ตีทัพพระมังคลาแตกพ่ายไปเข้ายึดป้อมเมืองใหม่ได้สำเร็จ ส่วนสุดสาครจับพระมังคลาไม่ได้ เพราะตราราหูและมีนางสุนีช่วยพาพระมังคลาหนีไป สุดสาครขับม้ามาพบกับวายุพัฒน์และหัสกันฯก็รู้ว่าเป็นหลานและเป็นลูกของตนเกิดต่อสู้กัน ฝ่ายวายุพัฒน์และหัสกันสู้ไม่ได้ก็แตกทัพหนีไป สุดสาครเข้าเมืองใหม่พบกับเสาวคนธ์กับหัสไชยเข้าเมืองได้ก่อนแล้ว
ฝ่ายวายุพัฒน์และหัสกันลนลานหนีตายจากสุดสาครด้นดั้นไปด่านกลาง ส่วนนางสุนีพาพระมังคลาหนีเข้าป่าไปไม่รู้ทิศทาง พระมังคลาคิดเอานางสุนีเป็นสนมเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยให้รอดตาย นางสุนีบอกว่าตนเองเป็นเพียงผู้ที่พระมหาสุราลัยให้มาคอยช่วยพระมังคลาเท่านั้น หากได้เสียกับพระมังคลาแล้วจะไม่มีฤทธิ์ใดๆอีก นางสุนีพาพระมังคลามาด่านป่าตาล พระมังคลาปรึกษาทหารทำการศึกต่อไป
ไม่มีผู้ใดกล้าออกความเห็น วลายุดาแนะให้ถามบาทหลวงก่อนเพราะท่านบาทหลวงเคยรบมาแต่ครั้งก่อน พระมังคลาก็เห็นด้วย จึงเขียนสารไปปรึกษาบาทหลวงและให้บังอลูลอบไปเกณฑ์ทหารเพิ่มเติมอีกยี่สิบหมื่นพร้อมอาวุธยุทธภัณฑ์ พอบาทหลวงได้รับสารก็บอกว่าพระมังคลาไม่ทำตามคำสอนที่ให้แต่งสารไปขอโคตรเพชรก่อน รีบไปทำสงครามชิงเอามาจึงเกิดศึกใหญ่มาติดเมือง เมื่อดูตำราทวาทศราศรีแล้วบาทหลวงก็เขียนแนะวิธีให้ม้าใช้เอาไปถวายพระมังคลา
ด้านบังอลูลอบไปสั่งให้กรมวังเกณฑ์ทหาร ความจึงรู้ไปถึงหูของนางรำภาสะหรี นางยุพาผกาและนางสุลาลีวัน ทั้งสามนางรีบไปเฝ้านางละเวง นางละเวงเรียกบังอลูมาถาม เดิมบังอลูกลัวขัดรับสั่งพระมังคลาก็ทูลเท็จจนนางละเวงต้องให้สบถปดไม่ได้จึงได้รู้เรื่องราวความจริงทั้งหมด นางละเวงและสามบุตรีจึงยกออกมาด่านดงตาล พระมังคลากับพวกหลีกเลี่ยงไม่ยอมพบนางละเวง นางละเวงจึงช่วยนางสุวรรณมาลี พระธิดา ท้าวทศวงศ์ พระมเหสีและนางกำนัลไปเมืองลังกาด้วยความลำบากยากเย็น เพราะต้องสู้รบกับทหารของพระมังคลาที่ถือรับสั่งไม่ยอมรับอำนาจของนางละเวง เมื่อมาถึงเมืองลังกาแล้วนางละเวงจัดการดูแลให้ทุกพระองค์เป็นอยู่อย่างสมพระเกียรติ แล้วพากันไปต่อว่าพระสังฆราชบาทหลวงว่าไม่ควรยุยงให้ไปล่วงเกินเผ่าพงศ์วงศ์วาน พระสังฆราชบาทหลวงก็โต้แย้งว่าไม่ได้ยุยงเลยเพียงแต่เล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้ฟังเท่านั้น ฝ่ายพระมังคลาเตรียมพร้อมตั้งค่ายทศเทวาตามตำราของบาทหลวง เพื่อรับศึกหวังใช้ร้อยแปดค่ายเอาชัยชนะข้าศึกขั้นเด็ดขาด
พระอภัยมณีและศรีสุวรรณพอเสร็จการทำศพพระเจ้ากรุงรัตนาก็ได้รับข่าวจากทหารถือสารมาจากเมืองผลึก เมืองรัตนายังไม่พระเจ้าแผ่นดินดูแล จึงยกให้แก่ สินสมุทกับนางอรุณรัศมี แต่สินสมุทต้องไปราชการสงครามเมืองลังกา จึงให้อำมาตย์รักษาเมืองไว้ก่อน พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณแยกย้ายกันไปเมืองผลึก, รมจักรเพื่อเตรียมทหารและยุทธภัณฑ์ แล้วต่างรีบยกไปป้อมเมืองใหม่ สุดสาครและพระน้องทั้งสององค์ออกมารับเสด็จทั้งสองพระองค์และสินสมุท เล่ารายละเอียดถวายให้ทรงทราบ พระอภัยมณีปรึกษาการศึกว่าควรจะให้ทหารถือสารไปถามทางฝ่ายพระมังคลาดูท่าทีเสียก่อน หากดื้อดึงไม่นับถือเผ่าพงศ์ค่อยยกออกไปสู้รบ ซึ่งศรีสุวรรณก็เห็นชอบด้วย เมื่อพระมังคลาตอบสารมาไม่ตรงตามความจริงพร้อมทำตราชั่งใส่มาให้เห็นว่าฝ่ายพระอภัยมณีไม่มีความเที่ยงตรงด้วย ก็รู้แน่ว่าฝ่ายพระมังคลาไม่ได้นับถือเรื่องเผ่าพงศ์ใดๆ คงต้องรบสู้กันแน่แล้ว ขัดอยู่ว่านางสุวรรณมาลีพระธิดา และท้าวทศวงศ์ฯยังอยู่ในมือของข้าศึกก็เกรงว่าจะเป็นอันตราย และตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาขังอยู่ที่ไหน ศรีสุวรรณแต่งทหารสามสิบนายไปจับทหารฝรั่งมาถาม ก็รู้ความจริงว่านางละเวงได้ช่วยตัวประกันไปไว้เมืองลังกาแล้ว พระอภัยมณีจึงให้แต่งสารแจ้งไปทางนางละเวงและชักชวนให้ยกมาช่วยปราบพระมังคลา หัสไชยเป็นโรครักเพราะคิดถึงนางสร้อยสุวรรณและนางจันทร์สุดาอยู่แล้ว รีบอาสาถือจดหมายไปเมืองลังกาทางด่านสะพานยนต์ นางเสาวคนธ์บอกให้หัสไชยเอาวาโหมไปช่วยด้วย
เมื่อหัสไชยกับวาโหมเดินทัพไปแล้ว ศรีสุวรรณจัดให้พระกฤษณา และเหล่าลูกพราหมณ์สามนายเป็นทัพหน้าแล้วพระองค์ทรงรถเป็นทัพหลัง ส่วนพระอภัยมณีให้สุดสาครกับนางเสาวคนธ์เป็นทัพหน้าและให้สินสมุทเป็นแม่ทัพยกล่วงหน้าไปวันหนึ่งแล้วพระอภัยมณีจึงยกทัพใหญ่ตามไปเมืองป่าตาล
หัสไชยกับวาโหมยกมาถึงเขตสะพานยนต์ก็ตีทหารเมืองลังกาแตกพ่ายไป จึงตั้งรักษาด่านสะพานยนต์ไว้ คิดการให้วาโหมรบล่อไว้ส่วนหัสไชยจะรีบนำสารไปส่งกรุงลังกา ฝ่ายพระมังคลาให้วายุพัฒน์และวลายุดายกเป็นทัพหน้าไปตีด่านสะพานยนต์เพื่อมิให้ข้าศึกตีวกอ้อมหลัง พอมาถึงก็ปีนค่ายสู้รบกับทหารของหัสไชยกับวาโหม ทหารของวลายุดาและวายุพัฒน์แตกพ่ายสู้ไม่ได้ หัสไชยกับทหารห้าสิบนายจึงรีบเดินทางเอาสารไปส่งเมืองลังกา ส่วนทัพหน้าของพระอภัยมณีมีพระกฤษณากับหนุ่มสามพราหมณ์ และศรีสุวรรณยกไปถึงด่านดงตาลก็ให้เข้าโจมตี หลงเข้าไปติดกลค่ายทศเทวาของพระมังคลาทำให้หมดแรง และมองไม่เห็นอะไร ขณะนั้นพอดีวลายุดากับวายุพัฒน์พาทหารสามพันคนแตกทัพมาขอกำลังไปช่วย พระมังคลาคิดว่าทางด่านดงตาลข้าศึกติดค่ายกลมากมายและจะตายภายในเจ็ดวันคงจะชนะศึกอย่างแน่นอน จึงให้หัสกันอยู่ดูแลค่ายดงตาลและปล่อยให้ข้าศึกเข้ามาติดค่ายตายให้หมดทั้งกองทัพ ส่วนพระมังคลาแบ่งไพร่พลได้สี่หมื่นยกไปช่วยวลายุดากับวายุพัฒน์ตีด่านสะพานยนต์ในคืนนั้น พอไปถึงก็ให้รอผู้วิเศษทำกลศึกอย่าเพิ่งออกรบ ส่วนทัพของสินสมุท สุดสาครและนางเสาวคนธ์ไปถึงก็เข้าโจมตีด่านดงตาลติดค่ายกลเช่นเดียวกัน แต่ตัวนายไม่เป็นอะไร ปรึกษากันแก้ค่ายกลด้วยเอาเลือดสาดรอบค่ายแก้อาถรรพ์ช่วยทุกคนที่ติดค่ายกลรอดออกมาได้ ครั้นทัพพระอภัยมณียกมาถึงทรงสรรเสริญนางเสาวคนธ์เป็นอันมากและให้ตั้งค่ายริมแนวป่าคอยฟังทางเมืองลังกาว่าจะทำอย่างไร

เรื่องย่อพระอภัยมณี(13)

นางสุวรรณมาลีรีบทำสารไปทูลพระอภัยมณีที่กรุงรัตนาทางหนึ่ง อีกทางหนึ่งให้จัดสิ่งของสิบอย่างพร้อมทำสารไปให้นางละเวงเมืองลังกา แต่สารของนางสุวรรณมาลีถูกพระมังคลายึดไว้ไม่ถึงนางละเวง
พระมังคลาไม่พอใจสารของนางสุวรรณมาลี และคาดการศึกว่าถ้าพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ และสินสมุทกลับมา เมืองผลึกกับเมืองรมจักรต้องยกมารบกับเมืองลังกาอย่างแน่นอน จึงต้องชิงยกไปจับนางสุวรรณมาลีและพงศ์พันธุ์เมืองรมจักรมาเป็นตัวประกันก่อน จึงให้วายุพัฒน์และหัสกันยกไปตีทั้งสองเมือง วายุพัฒน์เอาเรือทูตเมืองผลึกบังหน้า เพื่อให้พวกทหารเมืองผลึกเข้าใว่าเป็นเรือพวกเดียวกัน ทำให้กองทัพใหญ่เมืองลังกาเข้าถึงตัวเมืองผลึกได้ทันที เที่ยวจุดไฟเผาเมือง แล้วแอบอ้างรับสั่งว่านางละเวงให้มารับนางสุวรรณมาลีและบุตรีไปเมืองลังกา และที่ยกมารบนั้นเป็นพวกท้าวเจ้าละมานที่แค้นเคืองมาก่อนซึ่งนางสุวรรณมาลีก็รู้ทัน แต่ก็จำใจให้เขาคุมตัวไป ฝ่ายวายุพัฒน์ และหัสกันเมื่อได้ตัวนางสุวรรณมาลีกับธิดาแล้ว ก็เข้าปล้นเมืองกวาดต้อนเอาผู้คนและข้าวของ ทุบ เผาทำลายจนพอใจแล้วจึงล่องเรือกลับเมืองลังกา
พระมังคลาดีพระทัยที่พระนัดดาชนะศึก จึงให้บำเหน็จรางวัลทหาร ส่วนนางสุวรรณมาลีกับบุตรีให้เอาไปควบคุมไว้ที่ด่านดงตาล พวกเชลยชายเมืองผลึกเอาไช้ใช้ทำนา ผู้หญิงใช้เย็บผ้าเย็บหมวกแจกทหาร ฝ่ายวลายุดายกทัพปลอมเป็นท้าวอุเทนไปรบเมืองรมจักร จับท้าวทศวงศ์ พระมเหสีกับนางกำนัล ฝ่ายบุตรชายสามพราหมณ์คือ ยุขันบุตรของสานนกับนางอุบล เก่งเช่นเดียวกันกันบิดา มะหุด บุตรวิเชียรเก่งทางยิงธนู มังกร บุตรของโมราเก่งทางเสกเรือกล และบุตรของนางศรีสุดากับศรีสุวรรณนามพระกฤษณา ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนรักใคร่กัน ต่างคนต่างก็เก่งกันคนละอย่าง บิดาให้เป็นผู้รักษาเมือง วันนั้นฝ่ายลังกายิงปืนควันคลุ้มจนมองไม่เห็นทาง พอรุ่งเช้าเข้าเมืองจึงรู้ว่า
พวกข้าศึกจับท้าวทศวงค์ พระมเหสีกับเหล่านางกำนัลลงเรือหนีไปแล้ว ก็พากันรีบยกตามไป ฝ่ายสามพราหมณ์พ่อพอรู้ข่าวก็รีบลงเรือติดตามไปอย่างรวดเร็ว สิบห้าวันทัพของพระกฤษณากับบุตรสามพราหมณ์ก็ตามไปทันทัพของวลายุดา เกิดสู้รบกัน แต่เรือและทหารทางฝ่ายพระกฤษณามีน้อยไม่สามารถจะเอาชนะได้ เรือของสามพราหมณ์พ่อไปถึง กองทัพเมืองลังกาก็หนีเข้าเมืองลังกาไปแล้ว จึงไม่สามารถจะทำอะไรได้ พระมังคลาดีใจที่ชนะศึกอีกครั้งหนึ่ง จึงให้บำเหน็จความชอบทหารตามเคย ส่วนท้าวทศวงศ์ พระมเหสี กับนางกำนัลให้เอาไปคุมตัวไว้ที่ด่านป่าตาล
สำหรับนางเสาวคนธ์และสุดสาครคอยฟังข่าวเมืองการะเวกอยู่ที่ด่านปากน้ำของเมืองวาหุโลม ครั้นรู้ว่าเมืองลังกายกทัพไปเผากรุงการะเวกและขุดโคตรเพชรไปได้ ก็เสียใจรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่รักษาเมือง จึงทำสารแจ้งให้วาโหมยกทัพมาช่วยตีเมืองลังกา เมื่อวาโหมยกมาถึงด่านปากน้ำนางเสาวคนธ์สึกจากฤาษีแต่งเป็นพราหมณ์ เพราะต้องไปสงครามและแนะนำให้วาโหมรู้จักกับสุดสาคร ทัพของนางเสาวคนธ์ สุดสาคร และทัพของวาโหมพร้อมกันยกไปเมืองลังกาในเช้าของวันรุ่งขึ้น

เรื่องย่อพระอภัยมณี(12)

ด้านเมืองลังกานางละเวงวัณฬาและบุตรีตั้งครรภ์ครบสิบเดือนต่างก็คลอดโอรสด้วยกันทุกคน โอรสนางละเวงวัณฬาชื่อพระมังคลา ของนางรำภาสะหรีชื่อวลายุดา ของนางยุพาผกาชื่อวายุพัฒน์ และของนางสุลาลีวันชื่อหัสกันฯ พระมังคลาและวลายุดาเรียนอยู่กับบาทหลวง ส่วนวายุพัฒน์กับหัสกันฯเรียนอยู่กับพระปีโป
ฝ่ายหัสไชยอยู่เมืองการะเวกก็ได้แต่คร่ำครวญถึงนางสร้อยสุวรรณกับนางจันทร์สุดาธิดาพระอภัยมณีแห่งเมืองผลึก จึงทูลท้าวสุริโยทัยทำทีว่าคิดถึงและอยากขอออกติดตามถามข่าวนางเสาวคนธ์และสุดสาครที่หายเงียบไป ท้าวสุริโยทัยก็อนุญาตแต่กำชับว่าเมื่อได้พบกันห้ามบอกว่าพ่อให้ไปตามก็แล้วกัน หัสไชยดีใจรีบแล่นเรือไปเมืองผลึกในทันที
ส่วนทางกรุงรัตนาท้าวสุทัศน์มีพระชนมายุร้อยยี่สิบปีมิได้ทรงพระประชวรใดๆ จู่ๆก็เสด็จสวรรคต และพระมเหสีปทุมเกสรทรงเศร้าโศกเสด็จสวรรคตตามไป พระวงศาข้าเฝ้าได้จัดตั้งพระบรมศพไว้แล้วให้มีอำมาตย์ถือสารไปทูลเรื่องแก่พระอภัย -มณี กับศรีสุวรรณ พระอภัย -มณี ให้นางสุวรรณมาลี หัสไชย และสองธิดาอยู่รักษาเมืองผลึก พระองค์กับสินสมุทเดินทางเรือรีบมาใช้เวลาเจ็ดเดือนจึงถึงกรุงรัตนาเพื่อจัดการพระศพของพระบิดา - พระมารดา
ทางด้านเมืองลังกานางละเวงปรึกษาพระบาทหลวงเพื่อหาวันดีที่จะอภิเษกพระมังคลาขึ้นครองราชสมบัติ ให้วลายุดาเป็นอุปราช วายุพัฒน์เป็นฝ่ายขวา และหัสกันฯ เป็นฝ่ายซ้าย เพราะทั้งสี่พระองค์เจริญพระชันษาได้สิบห้าปีแล้ว บาทหลวงบอกวันดีให้แล้ว จึงแนะว่าให้มีสารไปเมืองการะเวกขอโคตรเพชรคืน นางละเวงเกรงว่าจะเป็นเรื่องวิวาทบาดหมางกันเพราะให้เขาไปแล้ว เมื่อลับหลังนางละเวง พระมังคลาจึงขอให้บาทหลวงเล่าเรื่องเบื้องหลังต่างๆให้ฟัง บาทหลวงก็เล่าตั้งแต่เจ้ากรุงลังกาและพระเจ้าลุงอุศเรนเป็นคู่หมั้นนางสุวรรณมาลีเมืองผลึก เกิดรบพุ่งกันจนพระอภัยมณีได้กับนางละเวงอยู่เมืองลังกา นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชรเกิดแผ่นดินไหว เมื่อพระมังคลาได้ครองเมืองลังกาแล้วให้คิดเอาโคตรเพชรคืนแต่อย่าไปปรึกษานางละเวง เพราะนางจะว่าบาทหลวงเป็นคนยุแยง ขอให้ค่อยๆสะสมฝึกหัดทหารและหาคนดีมีวิชาการไว้ใช้ในราชการ การรบเมืองผลึกนั้นเป็นศึกใหญ่ ให้หาอ้ายย่องตอดยอดทหารมาเลี้ยงไว้ด้วย การเอาชนะศึกให้เสร็จเด็ดขาดจะต้องกล้าหาญกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดสิ้น พระมังคลาก็รับว่าจะทำตาม
นางละเวงอภิเษกพระมังคลาและหลานๆตามกำหนดวันดีที่บาทหลวงบอกไว้จนเสร็จการ พระมังคลาจึงคิดการศึกเริ่มจากสร้างซ่อมป้อมปราการต่างๆ ปรึกษาเตรียมการและแต่งตั้งให้พระน้องออกไปปกครองดูแลฝึกหัดจัดทหารตามป้อมเมือง รวมทั้งแต่งสารรวบรวมคนดีมีวิชาห้าสิบประเภทเข้ามาเป็นพวก โดยพระมังคลาเองก็เฝ้าคร่ำเคร่งเร่งฝึกทหาร ด้านหัสกันซึ่งอยู่ด่านด้านนอกที่สุดก็ให้เรือออกตระเวนสอดแนมทั่วมหาสมุทร จึงรู้ว่านางเสาวคนธ์หนีจากเมืองทิ้งการอภิเษก สุดสาครไปตามก็หายไป ทางด้านเมืองผลึกและรมจักรก็ยกไปทำศพเจ้ากรุงรัตนา ยังเหลือเพียงนางสุวรรณมาลีเป็นผู้รักเมืองผลึกเท่านั้น
พระมังคลาเห็นเป็นทีจะทำศึกได้แล้ว จึงเข้าทูลลานางละเวงแจ้งว่าจะไปตรวจด่าน ในระหว่างทางเกิดอภินิหารย์ฟ้าผ่าลงมาทำให้พระมังคลาได้คนเก่งมีวิชาคือนางสุนี พระมังคลาตรวจด่านต่างๆด้วยความพึงพอพระทัยเป็นอันมาก จึงปรึกษาจะทำสงครามชิงโคตรเพชรจากเมืองการะเวกคืนมา มีเสนาผู้เฒ่าทัดทานว่ากรุงการเวกเป็นเมืองใหญ่ มีไพร่พลมาก มีราชครูผู้วิเศษทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์มีเวทมนต์ดลคาถา เป็นแหล่งทหารเสือกล้าหาญสู้รบถึงหลบฝนได้ ส่วนโคตรเพชรนางเสาวคนธ์ก็ได้ขอจากพระมารดาแล้ว การรบเมืองการะเวกเมืองเดียวจะกระเทือนถึงเมืองผลึก รมจักรยากแก่การเอาชนะได้ หัสกันไม่เห็นด้วยและว่าความเห็นของอำมาตย์เป็นความขลาดกลัวเห็นแก่ความสุขสำราญส่วนตัว พระมังคลาถูกบาทหลวงยุแยงอยู่แล้วก็เห็นด้วยกับหัสกัน จึงให้วายุพัฒน์กับหัสกันยกทัพเรือไปเอาโคตรเพชรคืน
ทางเมืองการะเวกมีแต่ท้าวสุริโยทัยกับพระมเหสี ส่วนบุตรีเสาวคนธ์สุดสาครกับหัสไชยก็ไม่อยู่ ตกกลางคืนท้าวสุริโยทัยฝันร้ายให้ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ทำนายว่าจะมีศึกมาติดพันเผาเมืองทางด้านใต้ ฝูงสัตว์สิงห์หญิงชายจะล้มตาย แต่พระโอรสพระธิดาจะกลับมารบชนะข้าศึก ฝันร้ายนี้ต้องทำการสะเดาะเคราะห์ชำระพระชะตาให้ความร้ายคลายลง ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์พระเวทขลังก็ทำพิธีคุ้มครองเมืองและสะเดาะพระเคราะห์ ตระเตรียมทหารไว้รับศึกจนครบถ้วน
ด้านวายุพัฒน์หัสกันยกมาถึงก็เข้าตีเมืองการะเวกก็ตีไม่ได้ เพราะเวทมนต์คุ้มเมือง และฝนมนต์ของทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์จนต้องแก้ด้วยเอาเลือดเป็ดไก่โคกระบือสาดรอบเมืองแก้อาถรรพ์ แต่ก็สู้ทหารรักษาเมืองไม่ได้ จึงไปขุดเอาโคตรเพชรและเก็บเพชรที่เกิดใหม่เป็นอันมากถอยทัพกลับไป เจ้าเมืองการะเวกเห็นทัพวายุพัฒน์หัสกันล่าถอยไปแล้ว ก็รีบให้แต่งสารไปแจ้งแก่พระอภัยมณี
พระมังคลาเจ้าเมืองลังกาพอใจมากที่วายุพัฒน์กับหัสกันไปตีเมืองการะเวกและเอาโคตรเพชรกลับคืนมาได้ ทั้งได้กำชับว่าอย่าบอกให้พระชนนีรู้ ให้อำมาตย์แอบเอาไปไว้ที่เดิม แต่พอเอาโคตรเพชรฝังลงแผ่นดินก็เกิดอาเพทแผ่นดินไหวขึ้นมาอีก ทำให้นางละเวงรู้สึกประหลาดใจจึงไปถามบาทหลวง บาทหลวงแกล้งพูดเฉไฉว่าผัวของนางละเวงจะกลับมา แต่นางละเวงก็ยังไม่หายสงสัยจึงเรียกบุตรีเลี้ยงทั้งสามนางมาถาม นางยุพาผกาทำนายว่าจะเกิดศึกต่อสู้กันโกลาหลขึ้นตั้งแต่ต้นปีเถาะ นางละเวงว่าแล้วจะแก้ไขอย่างไรจึงจะดี นางยุพาผกาว่าต้องสะเดาะเคราะห์ด้วยการบัตรพลีและให้ทุกคนตั้งอยู่ในศีลสัตย์ตลอดปี นางละเวงบอกว่าน่าจะทำไม่ได้ เพราะชาวบ้านคงไม่เอาด้วย นางรำภาสะหรีอ้างคัมภีร์ไตรดายุคว่าอะไรจะเกิดมันก็เกิดจะคิดแก้ไขอย่างไรก็คงไม่ได้ เหมือนอยู่ใต้ฟ้าจะหนีฝนก็คงหนีไม่พ้น นางละเวงจึงว่าถ้าอย่างนั้นก็ทำหนังสือไปเตือนสติพระมังคลาให้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมบ้างเพื่อเป็นการรั้งเอาไว้
ด้านเสนาเมืองการะเวกถือสารนานเดือนเศษจึงถึงเมืองผลึก นางสุวรรณมาลีอ่านสารแล้วก็ตกใจ ที่ว่านางเสาวคนธ์ลักโคตรเพชรมานั้นไม่เป็นความจริง ที่จริงนางละเวงอนุญาตให้มาต่างหาก หัสไชยยังอยู่ในเมืองผลึกก็แค้นใจอยากจะยกทหารออกไปตีเมืองลังกาตอบแทนโดยเร็วแต่นางสุวรรณมาลีห้ามไว้ ให้ใจเย็นๆคอยพระอภัยมณี สินสมุท และศรีสุวรรณกลับมาจากกรุงรัตนาก่อน นางสุวรรณมาลีตอบสารให้อำมาตย์และหัสไชยถือไปถึงเจ้าเมืองการะเวก ทางเมืองการะเวกเห็นชอบที่จะรอดูว่าพระอภัยมณีจะจัดการอย่างไรก่อน ถ้าทางพระอภัยมณีไม่จัดการให้ยุติธรรมจึงยกทัพไปรบเมืองลังกาด้วยตนเอง ตอนนี้ให้คนปลอมตัวลอบเข้าไปเมืองลังกาสืบข่าว

เรื่องย่อพระอภัยมณี(11)

สำหรับเรื่องราวของนางเสาวคนธ์แปลงตัวเป็นพราหมณ์ล่องท่องทะเลมาหนึ่งเดือนเศษก็มาถึงเกาะชุมเพลิงเขตเมืองวาหุโลม เกาะนี้แต่เดิมเล่ากันว่ามีแต่พระยานาคพ่นพิษเป็นไฟจนไม่มีอะไรอยู่อาศัยได้ พระนารายณ์มาปิดช่องที่นาคผุด และถอนพิษพวกนาคจนเหลือเฉพาะปล่องเพลิงใหญ่เท่ากับภูเขา มีแม่น้ำไหลมาจากเมืองพระอินทร์ แม้นใครกินแก้บาปอาบก็ดี เห็นว่าเป็นเมืองร้าย ควรจอดเรือขึ้นทางฝั่งเมืองอีกฟากหนึ่ง นางเสาวคนธ์จึงปลอมเป็นพระฤาษีชื่อว่าพระอัคนี พวกติดตามต่างแต่งกายเป็นชีพราหมณ์ประกาศเทศนาพระพุทธศาสนาแก่พวกทมิฬที่ด่านปากน้ำ พวกทมิฬมาฟังเทศน์แล้วไม่ได้สิ่งของ แสดงอาการดูถูกเหยียดหยาม พระอัคนีกับพวกสู้รบกันนายด่านปากน้ำ นายด่านถูกลูกศรตาย ชาวทมิฬพ่ายแพ้ ลูกนายด่านสองคนมาร้องขอให้พระอัคนีช่วย พระอัคนีกับพวกรู้ว่านายด่านปากน้ำเพียงแต่สลบไปเท่านั้น จึงนวดฟั้นใส่ยาแก้ไขจนฟื้น พระอัคนีไม่เอาผิด ไม่ต้องการบ้านเมืองหรือทรัพย์สินของผู้ใด นายด่านปากน้ำและชาวทมิฬทั้งหลายหันมานับถือพระฤาษี นายด่านศรัทธามากถึงกลับถวายลูกทั้งสองคนให้พระฤาษีบวชให้ เมื่อแรกรบกันนายด่านต่างๆรายงานว่าพระฤาษีกับพวกเป็นโจรโจมตีรุกรานด่านชายทะเล เมื่อพระอัคนีแก้ไขนายด่านฟื้นคืน ไม่เอาผิด ไม่รบกวนชาวบ้าน ไม่ต้องการบ้านเมืองหรือทรัพย์สินของผู้ใด ต้องการจะไปเที่ยวชมเมืองโรมวิสัยเท่านั้น นายด่านจึงทำหนังสือขอความสะดวกขอเปิดด่านอีกเจ็ดด่าน เจ้าเมืองวาหุโลมรู้ข่าว สั่งให้ราหูเฒ่าซึ่งเป็นเจ้าเมืองตะวันด่านชั้นสามขี่กิเลนยกทัพมาจับนายด่านปากน้ำฐานขบถ ให้ฆ่าทั้งโคตร ราหูลวงนายด่านให้เข้าเฝ้าเจ้าเมืองวาหุโลมแสดงความจงรักภักดี นายด่านปากน้ำปรึกษาพระอัคนีแล้วตกลงทำตามที่ราหูลวง และคิดซ้อนกลให้มาลัยมาลากระเทยปลอมตัวเป็นชาวด่านถือหนังลับไว้เปิดอ่านตอนคับขันจะได้ช่วยกันแก้ไข และให้ทหารแปลงกายแบกขนสิ่งของติดตามนายด่านเข้าไปแทรกปะปนอยู่ตามเมืองรายทาง เจ้าเมืองวาหุโลมตัดสินแห่ตระเวนนายด่านที่ว่าเป็นขบถไปตามถนนในเมืองบังคับให้ร้องว่า ใครอย่าเอาเยี่ยงอย่าง ข้าคนขบถ ฝ่ายมาลัยมาลาเห็นว่าคับขันแล้วจึงเปิดหนังสือลับของพระอัคนีออกดู แอบแทรกเข้าไปกระซิบบอกความลับนายด่าน พอคนมามุงดูมากๆ นายด่านจึงตะโกนบอกคนทั้งนั้นว่า เจ้าเมืองเป็นคนไม่ยุติธรรมให้มาเฝ้าแล้วมาสั่งให้ฆ่า รู้เช่นนี้ยกทัพมาสู้กันจะดีกว่า อยากรู้ว่าจะมีน้ำหน้าจะเอาชนะได้หรือไม่ เจ้าวาหุโลมรู้ข่าวให้ทำธงปล่อยตัวนายด่านไป ดูว่ามันจะยกมาสู้ตามที่พูดหรือไม่ นายด่านปากน้ำถือธงปล่อยตัวปลุกระดมพวกที่เกลียดชังเจ้าวาหุโลมไปตลอดทาง ฝ่ายมาลัยมาลายังคงคุมทหารปลอมปนอยู่ในเมืองคอยเป็นไส้ศึกต่อไป
ฝ่ายนางเสาวคนธ์ปลอมเป็นพระฤาษีอัคนีคาดว่านายด่านที่ขึ้นไปเฝ้าคงจะถูกเจ้าเมืองวาหุโลมคิดจะฆ่าแน่นอน แต่ที่ปล่อยให้นายด่านไปก็เพื่อคิดกลแทรกทหารเข้าไปไว้ในเมืองต่างๆและรีบฝึกพวกชาวบ้านให้มีความรู้ในการรบ ซึ่งเป็นวิธีของเมืองการะเวก เมื่อนายด่านกลับมาถึงแจ้งเรื่องให้ทราบก็สอนทหารและนายด่านถึงยุทธวิธีการรบสู้และกำชับว่าถ้าเขาไม่รบก่อน ฝ่ายเราจะตั้งนิ่งไว้ไม่ต้องออกรบ เพราะไม่ต้องการชีวิตและสมบัติของใคร ฝ่ายราหูเจ้าเมืองตะวันทราบสารเมืองวาหุโลมสั่งมาให้จับเป็นนายด่านส่งกลับไปเมืองหลวง จึงขับพลเข้าหักด่าน สู้ชาวบ้านที่เป็นพวกของฤาษีกับนายด่านไม่ได้ ราหูถูกจับ แต่พระอัคนีก็ได้อธิบายความประสงค์ให้เข้าใจ เฒ่าราหูจึงกลับเป็นฝ่ายพระอัคนีอีกคน พระอัคนีใช้นโยบายไม่ฆ่า ไม่ต้องการสมบัติเอาชนะด่านต่างๆตามรายทางมาตลอด จนกระทั่งรบกับเจ้าวาหุโลมกับนายด่านพระกาล จับได้ทั้งสองคน นางเสาวคนธ์หรือฤาษีพระอัคนีก็ไม่เอาโทษถวายคืนทุกอย่างให้กลับไปปกครองประเทศเหมือนเดิม แต่เจ้าเมืองวาหุโลมรักยศรักศักดิ์ศรียอมตายดีกว่าอยู่ให้ได้อาย จึงเอาเลือดเขียนสไบแจ้งให้ลูกชายชื่อวาโหมทราบว่า พระฤาษีไม่ได้ทำอันตรายใดๆ เป็นแต่พ่อสู้รบแล้วพ่ายแพ้เป็นที่น่าอาย พ่อขอไว้ชื่อเชือดคอตายเอง ขอให้นับถือพระฤาษีเอาไว้เป็นที่พึ่งต่อไปด้วย
นางเสาวคนธ์หรือพระฤาษีอัคนีทำมณฑปตั้งพระศพเจ้าวาหุโลมอย่างสมเกียรติ คอยวาโหมออกมารับไปจัดการศพตามประเพณี นางพระยาวาหุโลมกับพระโอรสวาโหมออกมารับพระศพ เชิญให้พระอัคนีเข้าเมือง นางเสาวคนธ์ปรึกษานางพี่เลี้ยงว่าดินแดนทมิฬกว้างใหญ่เหลือเกินการจะเที่ยวปราบปรามชักชวนให้คนมานับถือพระพุทธศาสนาทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก ครั้นจะกลับกรุงการะเวกก็อับอาย หากจะล่องอยู่ในทะเลสักวันหนึ่งสุดสาครก็คงมาตามจนพบ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี คิดไม่ตกจนป่วยไข้ ส่วนทางด้านสุดสาครตามมาถึงเกาะค้างคาวยาวขวางอ่าวอยู่ สุดสาครได้เรียนอุปเท่ห์สตรีกับผู้เฒ่าที่มีเมียเป็นร้อยที่เกาะนี้ พอเข้าไปในอ่าวก็เห็นประตูด่านและเรือจอดอยู่ เข้าไปถามก็พบกับคนที่รู้จัก จึงได้รู้ว่านางเสาวคนธ์เข้าไปเมืองวาหุโลม ด้านพระฤาษีอัคนีเป็นไข้ใจป่วยจนซูบผอม พวกพี่เลี้ยงเห็นว่ามีอายุเข้ายี่สิบห้าตกที่มีเคราะห์จึงให้สึกหาลาพรต เพื่อจะได้ทำพลีกรรมถวาย หลังจากทำพลีกรรมแล้วนางเสาวคนธ์ก็หายป่วยอ้วนท้วนดีขึ้น สุดสาครเดินทางมาจากด่านปากน้ำล่วงเวลายี่สิบวันจึงถึงเมืองวาหุโลม สุดสาครได้นางเสาวคนธ์ในที่สุด นางเสาวคนธ์กับสุดสาครอยู่เมืองวาหุโลมหลายเดือน เกรงว่าพวกทมิฬจะรู้เรื่องว่าพระอัคนีเป็นผู้หญิงประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งนางเสาวคนธ์อาจจะตั้งครรภ์ขึ้นก็ได้ พระอัคนีจึงมอบเมืองให้วาโหมปกครอง และบำเหน็จรางวัลแก่ทหารจนครบถ้วน เพื่อจะลาจากไปไม่ให้มีใครรู้ความจริง ครั้นจะกลับไปเมืองการะเวกในทันทีก็อายที่เป็นคนหุนหันพลันแล่นหนีจากมา นางเสาวคนธ์จึงปรึกษากับสุดสาครว่าจะแต่งคนลงเรือน้อยคอยฟังข่าวเมืองการะเวก หากมีศึกสงครามหรือพระชนกชนนีทรงพระประชวรจึงจะกลับไปช่วย เพื่อทำความดีถ่ายโทษ สุดสาครกับเสาวคนธ์จึงออกไปคอยฟังข่าวอยู่ที่ด่านปากน้ำ

เรื่องย่อพระอภัยมณี(10)

พระอภัยมณีปรึกษากับศรีสุวรรณเรื่องอภิเษกสินสมุทกับนางอรุณรัศมีแล้วแต่งตั้งให้เป็นอุปราชของเมืองผลึก ศรีสุวรรณก็เห็นดีด้วย พระอภัยมณีจึงสั่งให้เตรียมจะกลับ ต่างพระองค์ต่างร่ำลาก่อนจะจากกัน พระอภัยมณีเดินทางกลับถึงเมืองผลึกเมื่อเดือนยี่กำลังหนาว ส่วนเสาวคนธ์ สุดสาคร หัสไชย และทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์กลับถึงเมืองการะเวกเข้าเฝ้าท้าวสุริโยทัยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้งแต่ต้นจนจบ สุดสาครสารภาพว่าได้ทำผิดไป สำนึกแล้วจะตั้งต้นใหม่ นางเสาวคนธ์ถวายโคตรเพชรแล้วทูลว่าเมื่อขุดถอนออกนั้นเกิดอาเพทแผ่นดินไหว ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ว่าจะเป็นเหตุใหญ่ทางลังกาจะมาก่อสงครามในภายหน้า เพราะชาวเมืองเสียดายของสำคัญของเขา ยายพราหมณ์น่าจะห้ามปรามไม่ควรเอาของเขามา ท้าวสุริโยทัยเห็นว่าเป็นไปตามบุญกรรม จะเอาไปคืนก็อายเขาจึงให้เอาไปประจุไว้ที่เขาเนาวรัตน์นอกเมือง
พระอภัยมณีอภิเษกสินสมุท แต่นางอรุณรัศมีอิดเอื้อนไม่ยอมเข้าพิธี อภิเษกแล้วเวลาผ่านไปถึงสิบห้าวันก็ไม่ยอมเข้าหอ สินสมุทรู้ว่านางอรุณรัศมีโกรธเคืองเพราะเรื่องที่เกิดในเมืองลังกาแต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขประการใด จึงได้แต่เฝ้าคอยจนป่วยเป็นไข้ใจ ศรีสุวรรณก็ไปเร่งรัดนางเกษราให้ส่งตัวลูกสาว นางเกษราก็ทูลว่าแม้พระอัยกีก็ได้ช่วยกันเร่งรัดแล้วนางอรุณรัศมีก็ไม่ยอมไปจะยอมตายท่าเดียว พระอัยกีจึงออกอุบายให้นางอรุณรัศมีไปพยาบาลไข้ของสินสมุทฉันท์ญาติ สินสมุทเห็นนางอรุณรัศมีมาพยาบาลไข้ใจก็หายไปทันที จึงทำท่าจะรวบรัดให้เสร็จสิ้น แต่นางอรุณรัศมีไม่ยอม
ทางด้านพระอภัยมณีมีพระสงค์จะไปเมืองการะเวกเพื่อเตรียมการอภิเษกนางเสาวคนธ์กับสุดสาคร จึงชวนศรีสุวรรณ สินสมุทลงเรือคนละลำ พระอัยกีและนางเกษราทำอุบายให้นางอรุณรัศมีลงเรือลำเดียวกับสินสมุท พอสินสมุทเข้าหา นางอรุณรัศมีก็ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายอีก และเล่าเรื่องที่ให้สัญญากับนางเสาวคนธ์ไว้ ถ้าสุดสาครกับนางเสาวคนธ์ไม่มีปัญหา จึงจะยอมเป็นอัคเรศของสินสมุท สินสมุทจึงต้องยับยั้งจนไปถึงเมืองการะเวก ก็รู้ว่านางเสาวคนธ์ได้หนีการอภิเษกไปอีก โดยเขียนหนังสือทูลลาท้าวสุริโยทัยและพระมารดาไว้ รวมทั้งทิ้งจดหมายของสุลาลีวันตอนที่อยู่เมืองลังกาเป็นหลักฐานด้วย ท้าวสุริโยทัยรู้ว่าจดหมายนั้นเป็นกลศึก นางเสาวคนธ์ไม่รู้ความจริงจึงวู่วามไปเอง แต่พระอภัยมณีก็มิได้ว่าอะไร จะรอคอยการวิวาห์ต่อไป สุดสาครอาสาออกติดตาม โหรทำนายว่าเสาวคนธ์จะจากบ้านเมืองไปเป็นเวลาสิบสี่ปีจึงจะได้กลับมา และถ้าจะติดตามก็ให้ไปทางทิศพายัพ สุดสาครจึงทรงม้านิลมังกรติดตามไปทางทิศที่โหรทำนายทันที
ด้านสินสมุทเสียใจที่ไม่ได้นางอรุณรัศมีเพราะนางเสาวคนธ์หนีการวิวาห์ก็มีความเสียใจจนเป็นลมล้มสลบไป นางสุวรรณมาลีเข้าไปปลอบถามรู้ความจริงจึงสอนว่า ผู้หญิงน่ะเขาไม่ตายเพราะเรื่องนี้ดอก ถ้าสินสมุทรวบรัดนางอรุณรัศมีแล้วมีผลร้ายประการใด นางสุวรรณมาลีจะเป็นผู้แก้ไขเอง ทางด้านหัสไชยหลงรักนางสร้อยสุวรรณ นางจันทร์สุดา จนไม่ใคร่จะจากไปได้ ด้านสินสมุทตั้งแต่ได้อาจารย์ดีนางสุวรรณมาลีมาสอนให้ แล้วก็แกล้วกล้าสตรีมากขึ้นจนได้นางอรุณรัศมีในตอนขากลับมาเมืองผลึกนั่นเอง

เรื่องย่อพระอภัยมณี(9)

นางละเวงแค้นนางสุวรรณมาลีให้ยกทัพไปล้อมโจมตีทัพของนางสุวรรณมาลีในคืนนั้นทันที ด้านกองทัพเมืองผลึก รมจักร และเมืองการะเวกได้ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ร่ายเวทเป็นฝนตกลงมาเปียก เพื่อให้คงทนศาสตราวุธทำการรบแบบตะลุมบอนอยู่ถึงเช้า พอแดดออกอ่อนๆเวทมนต์จึงได้คลาย นางเสาวคนธ์ยิง ฟันเท่าไรๆไอ้ย่องตอดก็ไม่ตาย จึงไปหาทิศาปาโมกโลกเชษฐ์เสกสายสิญจน์สามเกลียวและหวายอาคมให้ นางเสาวคนธ์ออกรบได้ทีเอาสายสิญจน์สวมคอและตีด้วยเรียวหวาย เจ้าย่องตอดก็สิ้นฤทธิ์ถูกจับมัดไว้ในค่าย หัสไชย เสาวคนธ์และสามพราหมณ์รบกับกองทัพเมืองลังกาเป็นสามารถ นางละเวงถูกนางสุวรรณมาลีที่กำลังโมโหหึงยิงด้วยเกาทัณฑ์เฉี่ยวนมเล็กน้อยเพราะเกราะกีดขีดเชือดพอเลือดไหล นางรำภาสะหรีเข้ามาช่วย พอทัพของสามพราหมณ์ เสาวคนธ์ และหัสไชย เข้ามาสมทบกับทัพของนางสุวรรณมาลี ก็ต้อนตีทัพลังกาแตกกระจายไปเมื่อเวลาใกล้ค่ำ พระสังฆราชบาทหลวงเห็นนางละเวงยกทัพออกรบ ค่ำแล้วยังไม่กลับมาก็เป็นห่วงเกณฑ์ชาวบ้านได้ห้าพันจะยกออกไปช่วย ฝ่ายพระปีโปมีหนังสือลับมาถึงนางสุลาลีวัน บอกว่าถ้าทัพลังกาออกรบโดยลำพังจะพ่ายแพ้ ให้อ้อนวอนฝ่ายพระอภัยมณีในเมืองลังกาออกรบช่วยด้วยจึงจะชนะ นางสุลาลีวันจึงกราบทูลขอให้พระอภัยมณีช่วย พระอภัยมณีร้อนพระทัยที่นางละเวงหายไปจึงเรียกศรีสุวรรณ สินสมุท สุดสาครยกพลห้าหมื่นแยกย้ายกันไปตามหานางละเวง สาม –พราหมณ์ที่ไล่ติดตามทัพของนางละเวง ถูกทัพของบาทหลวงเข้าป้องกันลูกสาวเจ้าลังกาหนีเข้าป่าไปได้ พระอภัยมณีเที่ยวตามหาทัพของนางละเวงไม่พบจึงเป่าปีเรียกทัพ นางละเวงได้ยินเสียงปี่ก็รู้ว่าพระอภัยมณีเรียกหา จึงปรึกษากับบาทหลวงว่าจะไปพบพระอภัยมณีจะดีหรือไม่ ตอนแรกๆบาทหลวงก็บริภาษว่า ก็รีบไปพบผัวซีจะได้ไปนอนหาความสุข แต่สุดท้ายบาทหลวงก็บอกอุบายให้นางละเวงกับพวกบุตรีเลี้ยงรีบไปพบสามีแล้วยุให้กำจัดศึกเมืองผลึก รมจักรและเมืองการะเวก แล้วบาทหลวงบอกว่าหมดธุระแล้วจึงลาจากไป นางละเวงยุให้พระอภัยมณีเป่าปี่สะกดทัพ แล้วลอบสั่งทหารเตรียมดินปืนทั้งฟืนไฟคิดอุบายจะเผาทัพเมื่อพวกเมืองผลึกหลับ ฝ่ายท้าวทศวงศ์ นางสุวรรณมาลี และองค์อื่นๆเห็นว่าถ้าพระอภัยมณีออกรบก็จะเป็นภัยร้ายแรงมาก จึงพากันไปปรึกษาทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ได้ความว่าถ้าพระอภัยมณีเป่าปี่ให้เอาขี้ผึ้งปิดหูเสีย ด้วยที่พระอภัยมณีและนางละเวงมีทหารมากเกรงว่าฝ่ายเมืองผลึกกับพวกจะต่อสู้ต้านทานไม่ไหว ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์จึงทำพิธีจุดเทียนชัยเชิญพระโยคีเกาะแก้วพิสดารมาช่วย ฉะนั้นขออย่าเพิ่งออกรบขอให้อดทนนิ่งไว้ก่อน ถ้าพระอภัยมณีสั่งให้ทหารออกรบค่อยปล่อยนกเสกการวิกการเวกออกจิกตีผี ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ยังเสกสายสิญจน์ให้ทหารคล้องคออยู่ยงคงกระพันและแคล้วคลาดศาสตราด้วย เมื่อกองทัพทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันศึกรบยังไม่เกิด เกิดแต่ศึกปาก นางสุวรรณมาลีเชิญพระอภัยมณีกลับเมืองผลึกจึงปะทะคารมกับนางละเวง นางละเวงยุให้พระอภัยมณีเป่าปี่ ขณะที่พระอภัยมณีจะเป่าปี่ นางสร้อยสุวรรณนางจันทรสุดาบุตรีพระอภัยมณีที่อยู่ข้างนางสุวรรณมาลี ก็ปล่อยนกการวิกการเวกเข้าจิกตีจนปี่พระอภัยมณีพลัดตกลง นางละเวงก็ขับทหารเข้ารุกรบในทันที ทั้งสองฝ่ายรบกันเป็นสามารถตั้งแต่เช้าจนเย็น บาทหลวงช่วยยิงปืนใหญ่ทลายค่ายพังไปหลายแห่ง การรบสู้ยังติดพันกันอย่างรุนแรงนั้น ฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงเปรี้ยงลงมา ฝนตกมืดคลุ้มมองไปข้างไหนก็มองไม่เห็นเหมือนนัยตาบอด ทหารทั้งสองฝ่ายหนาวเห็นกองไฟข้างภูเขา ต่างก็เข้าไปผิงไฟเพื่อคลายหนาวโดยไม่มีใครคิดว่าเป็นฝ่ายใด บรรดาผู้ที่ถูกหยูกยาฝนก็ชะล้างเสื่อมหายไปหมดสิ้น ในกองไฟปรากฎมีพระฤาษีกับทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ พระฤาษีเทศน์โปรดชี้ให้เห็นความจริงว่าทุกฝ่ายต่างก็ทำผิดด้วยกัน จึงขอให้เลิกรบและหันกลับมาสามัคคีกันฉันท์ญาติสืบเผ่าพงศ์กันต่อไป และให้แต่ละฝ่ายกระทำสัตย์ปฏิญาณว่าจะรักกัน ซึ่งทุกฝ่ายก็ยอมทำตามทุกอย่าง ทิศาปาโมกโลกเชษฐ์แนะเหล่ากษัตริย์ให้พากันไปอ่านปริศนาพระฤาษีที่แผ่นหินหน้าเชิงเขา และหยิบเอาไม้เท้าที่พระฤาษีฝากไว้มาคืนให้สุดสาคร
นางละเวงชวนไปดูสวนเพชร พระอภัยมณีชวนไปเมืองรมจักรเพื่ออภิเสกสินสมุทกับนางอรุณรัศมี และไปเมืองการะเวกอภิเสกสุดสาครกับนางเสาวคนธ์ มีพระประสงค์จะให้นางละเวงไปด้วย แต่ไม่มีใครรักษาเมืองลังกา นางละเวงจึงทูลว่าถ้าได้ฤกษ์ดีจะทำการวิวาห์เมื่อใดก็ให้บอกมาจะตามไป และถ้าเมืองลังกาอยู่ดีไม่มีภัยจะตามไปอยู่กับนางสุวรรณมาลี แต่ก็ขัดกับธรรมเนียมฝรั่งที่ต้องคอยดูแลหลุมศพของบรรพบุรุษมิฉะนั้นคนจะไม่นับถือและอาจจะเกิดการกบถขึ้นได้ ฝ่ายนางเสาวคนธ์กับนางอรุณรัศมีเสียใจที่สุดสาครกับสินสมุทมามีเมียฝรั่งกลัวว่าตนจะเป็นเมียน้อย จึงสาบานกันว่าจะไม่มีผัว พอรุ่งขึ้นนางละเวงพากษัตริย์ทั้งหมดไปชมสวนเพชร และออกปากอนุญาตว่าใครอยากได้ก็ให้เก็บไปได้ แต่นางเสาวคนธ์ได้แต่ดู จนนางละเวงสงสัยถามว่าไม่อยากได้เพชรนิลหรือ? นางเสาวคนธ์จึงออกปากขอโคตรเพชร นางละเวงก็อนุญาต พอนางเสาวคนธ์ถอนโคตรเพชรก็เกิดอาเพทเหมือนแผ่นดินไหว นางละเวงจึงถามพระอภัยมณีว่าจะดีร้ายประการใด พระอภัยมณีไม่รู้ตำราก็ตรัสบอกไม่เป็นไร เป็นเกียรติยศที่ได้มาชมสวนเพชรในครั้งนี้ นางละเวงต้อนรับขับสู้อย่างดียิ่งทุกๆอย่างเพื่อให้กษัตริย์ทั้งหลายเป็นสุขสนุกสบาย นางเสาวคนธ์ลากลับเมืองการะเวก สุดสาครลานางสุลาลีวันทรงม้านิลมังกรติดตามไปขอคืนดีกับนางเสาวคนธ์ นางเสาวคนธ์ก็ไม่ยอมดีด้วย ด้านนางละเวงยังสงสัยอาเพทแผ่นดินไหวตอนนางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชรจึงให้รำภาสะหรีไปถามบาทหลวง บาทหลวงทำนายตามคัมภีร์ไตรดายุคว่านางละเวงให้ของสำคัญของเมืองลังกาแก่คนอื่นไป แต่ลูกของนางละเวงจะตามเอาคืนมาได้ นางละเวงจึงรู้ว่าได้กระทำผิด นางละเวงเล่าเรื่องดินถนันแล้วแบ่งให้นางสร้อยสุวรรณ นางจันทร์สุดาและนางสุวรรณมาลีกิน

เรื่องย่อพระอภัยมณี(8)

ยุทธการณ์ศึกรบค่อยคลายไป ศึกรักก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะฝ่ายนางละเวงเชื่อว่าคำทำนายของพระปีโปแห่งหมู่บ้านสิกคารนำถูกต้อง จึงจำเป็นต้องทำศึกรักให้ฝ่ายเมืองผลึกลุ่มหลงบุตรีเลี้ยงของนางแบบยกโขลงจึงจะชนะ และกรุงลังกาจึงจะปลอดภัย ฉะนั้นนางละเวงให้นางรำภาสะหรีทำเสน่ห์ศรีสุวรรณ และนางยุพาผกาทำเสน่ห์สินสมุท ซึ่งก็สำเร็จทั้งสองคู่
ฝ่ายสามพราหมณ์เห็นว่าเจ้านายไปหลงเสน่ห์สาวชาวลังกาจนหมดสิ้นเช่นนั้นก็รีบส่งสารไปถวายนางสุวรรณมาลีพระมเหสีที่เมืองผลึก นางสุวรรณมาลีได้รับสารสามพราหมณ์ก็แค้นนางละเวงกับบุตรีเลี้ยงเป็นที่สุด จึงให้มีสารไปแจ้งแก่สุดสาครเมืองการะเวก และนางสุวรรณมาลีก็ยกทัพไปกรุงลังกา เข้าไปพักอยู่ในเมืองใหม่ที่กองทัพของศรีสุวรรณ สินสมุทและสามพราหมณ์ตีได้เมื่อคราวรบกับนางยุพาผกา นางรำภาสะหรี และบาทหลวง สุดสาครกับหัสไชยยกไปเฝ้านางสุวรรณมาลี กองทัพเมืองผลึกและกองทัพเมืองการะเวกก็เคลื่อนไปตั้งค่ายที่เมืองลังกา นางสุวรรณมาลีมีสารไปตัดพ้อพระอภัยมณี พระอภัยมณี นางละเวง ศรีสุวรรณ สินสมุทมีสารตอบนางสุวรรณมาลีคนละฉบับ เนื้อความตัดญาติขาดกัน นางละเวงรื้อเอาเรื่องหลังขึ้นมาอ้างว่านางสุวรรณมาลีเลวต่างๆนานา พระอภัยมณีถึงกับตรัสว่าสารนี้เป็นหนังสือหย่าให้นางสุวรรณมาลีกลับไปเมืองผลึกแล้วอภิเษกใหม่ นางสุวรรณมาลีโกรธแค้นและเสียใจมากจนเป็นลมสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็จะยกทัพเข้าไปบุกเมืองลังกาจับพวกนางละเวงมาฆ่าให้สมแค้น แต่สุดสาครทัดทานไว้ สุดสาครจะเข้าไปเฝ้าพระอภัยมณีดูท่าทีก่อน ครั้นแล้วสุดสาครก็ถูกนางสุลาลีวันคุมตัว และถูกเสน่ห์ได้นางสุลาลีวันเป็นพระชายาไปอีกพระองค์หนึ่ง
หัสไชยซึ่งไปด้วยกับสุดสาครกลับออกมาบอกให้นางสุวรรณมาลีทราบ นางสุวรรณมาลีถูกนางละเวงแสร้งพาพระอภัยมณีมาเย้ย นางสุวรรณมาลีแค้นและเสียใจจนสลบ เมื่อฟื้นแล้วให้มีสารไปถึงนางเกษราและนางเสาวคนธ์ ท้าวทศวงศ์ นางเกษราและนางอรุณรัศมีบุตรีศรีสุวรรณจากเมืองรมจักรก็รีบยกมาที่เมืองใหม่ ด้านเจ้าเมืองการะเวกก็โปรดให้ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์และนางเสาวคนธ์ข้ามมาสมทบกับท้าวทศวงศ์ที่เมืองใหม่ด้วย แล้วทัพทั้งสองเมืองก็ยกไปกรุงลังกา
ทางเมืองลังกา นางละเวง นางรำภาสะหรี นางยุพาผกา นางสุลาลีวันมีครรภ์ และต่างพากันฝันร้าย นางละเวงจึงให้ทำบัตรพลีเพื่อสะเดาะเคราะห์ ปิดประตูเมืองทั้งแปดทิศ เพื่อสมาทานถือศีล ทั้งสี่นางพาพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุท และสุดสาครเป็นสี่คู่ทำพิธีรอบเมือง เผอิญไปปะพระบาทหลวงเข้า บาทหลวงโกรธบริภาษนางละเวงและเหล่าบุตรีเลี้ยงจนเหนื่อยหอบ พวกนางละเวงต้องพากันหนีเข้าวัง ส่วนทิศาปาโมกข์เชษฐ์ทำธงทองและดอกไม้สวรรค์แก้เสน่ห์ตามที่นางเสาวคนธ์ขอร้องให้หัสไชยทำอุบายเข้าไปในเมืองเพื่อแก้ไขสี่กษัตริย์ หัสไชยยื่นธงให้สินสมุทและสุดสาครแก้เสน่ห์ได้สำเร็จ พอเอาธงไปถวายพระอภัยมณีนางละเวงเห็นเข้าจึงชิงหักธงทิ้งแก้เสน่ห์ไม่สำเร็จ สินสมุท สุดสาครและหัสไชยพากันรีบวิ่งมาขึ้นม้าควบขับเข้าค่ายไปเฝ้านางสุวรรณมาลี
ท้าวทศวงศ์ สุวรรณมาลีและห้ากษัตริย์ปรึกษาทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์คิดแก้เสน่ห์เอาพระอภัยมณี และศรีสุวรรณออกมา ปาโมกข์โลกเชษฐ์บอกว่ามีปัญหาอยู่ที่ไม่สามารถเข้าวังได้ และเตือนว่าต้องระวังสินสมุท สุดสาครอีกสิบห้าวันเพราะยังไม่พ้นเคราะห์ พวกลังกาอาจจะใช้ผีมาทับเอากลับคืนไปได้ สุดสาครคิดจะไปตามพระเจ้าตาเกาะแก้วพิสดารมาปราบผีซึ่งทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ก็เห็นด้วย
ฝ่ายทางเมืองลังกานางละเวงปรึกษากับบุตรีเลี้ยง เพราะเกรงว่าพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณจะถูกฝ่ายเมืองผลึกแก้เสน่ห์พาตัวกลับออกไปอีก ตกลงกันว่าจะไปงอนง้อขอให้บาทหลวงช่วยแก้ไขให้อีกครั้งหนึ่ง บาทหลวงยังโกรธไม่หายบริภาษนางละเวงกับพวกเสียยกใหญ่แต่สุดท้ายก็ให้นางละเวงกับพวกทำสัตย์ปฏิญาณว่าจะทำตามคำของบาทหลวงแล้วจึงจะช่วย นางละเวงกับพวกก็ยอมตามทุกอย่างและเอาดอกไม้สวรรค์และธงแก้เสน่ห์ของฝ่ายเมืองผลึกให้บาทหลวงดู บาทหลวงเห็นอักขระและยันต์จารึกในสิ่งของก็รู้ว่าเป็นของทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ของเมืองการะเวก จึงทำเสน่ห์จากเลือดในอกของพวกนางต่างๆผสมกับน้ำนมฝิ่นเสก ตกกลางคืนให้ย่องตอดสะกดทัพเพื่อให้นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันเอายาเสน่ห์ไปป้ายลิ้นสินสมุทและสุดสาครก็จะได้คืนมา ถ้าสะกดไม่หลับเพราะเขาทำเวทมนต์ป้องกันไว้ก็ให้พวกผู้หญิงแก้ด้วยการยิงเกาทัณฑ์ข้ามค่าย เวทมนต์ก็จะเสื่อม ด้านนางละเวง และนางรำภาสะหรีให้เอายาเสน่ห์นี้ให้ผัวกินด้วยจะได้หลงรักตลอดไป แล้วให้ยกทัพเข้าตีจับเอาเผ่าพงศ์พระอภัยมณีมาตัดหัว ส่วนทหารเอาไว้ใช้แรงงานต่างวัว และบาทหลวงยังลงยันต์ลิ้นฟันให้นางแต่ละคนด้วย
อุบายและยาเสน่ห์ของบาทหลวงใช้ได้ผล นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันพาย่องตอดไปสะกดทัพตอนแรกก็ถูกทรายเสกที่ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ทำป้องกันไว้เป็นไฟพวยพุ่ง นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันต้องยิงเกาทัณฑ์ข้ามค่ายแก้อาถรรพ์ ย่องตอดจึงสะกดทัพได้ พอจะเข้าประตูก็เจอกับควายธนูเข้าอีก สองนางต้องยิงธนูแก้อีก นางสุลาลีวันปลอมลายมือสุดสาครเขียนลวงนางเสาวคนธ์ทิ้งไว้แล้วป้ายเสน่ห์ปลุกสุดสาครออกมา นางยุพาผกาเอาดาบพาดอกนางสุวรรณมาลีแสดงให้รู้ว่าจะฆ่าเสียก็ได้ แล้วป้ายยาเสน่ห์เอาสินสมุทไปขึ้นม้ากลับเข้าวังเมืองลังกา
ฝ่ายท้าวทศวงศ์ และนางสุวรรณมาลีจนปัญญาที่จะแก้ไข จึงไปปรึกษาทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ ทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าจะทำให้ถึงตายก็ได้แต่ผิดธรรมเนียมพราหมณ์ จะคิดอุบายให้ยายไปขายนกการเวกการวิกจิกผีแก้เสน่ห์ก็ได้แต่เกรงว่ายายจะทำไม่สำเร็จ ต้องได้เข้าวังจึงจะคิดแก้ไขได้
ด้านนางละเวงให้ป่าวร้องว่าจะแจกสิ่งของให้ชาวสิงหล จึงมีคนมารับสิ่งของอย่างเนืองแน่น นางเสาวคนธ์แค้นใจนางสุลาลีวัน จึงปลอมตัวเป็นผู้ชายแฝงเข้าไปยิงแก้มนางสุลาลีวันให้เสียโฉม สุดสาครโผนตามไปต่อว่ายิ่งทำให้นางเสาวคนธ์แค้นเคืองมากยิ่งขึ้น นางสุลาลีวันเพราะได้กินดินถนันไม่ถึงวันแผลก็หายสนิท

เรื่องย่อพระอภัยมณี(7)

นางละเวงเดินทางกลับถึงกรุงลังกา แบ่งดินถนันให้บาทหลวงกินพอดีทูตถือสารพระอภัยมาถึงนางละเวงบอกทหารให้รอข้างนอกก่อนเพราะกลัวบาทหลวงจะรู้ แต่ถึงกระนั้นบาทหลวงก็รู้จนได้ นางละเวงแก้ว่าเป็นกลศึกของนางที่จะเป็นไมตรีกับพระอภัยมณี บาทหลวงสอนว่าเป็นกลศึกก็ดี เพราะผู้ชายตายเพราะหญิงเสมอ นางละเวงตอบสารให้พระอภัยมณีฆ่านางสุวรรณมาลีพระมเหสีและญาติวงศ์ทางเมืองผลึกก่อนจึงจะยอมเป็นไมตรีด้วย ทำให้พระอภัยมณีอึดอัดใจ ศรีสุวรรณ กับสินสมุทรู้ทันแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงอาสาเข้าตีป้อมดงตาลพร้อมสามพราหมณ์ อิเรนนายด่านพร้อมทหารเอกและลูกสาวขับทหารออกสู้ด้วยความทรหด แต่ก็แตกพ่าย ตัวอิเรนถูกยิงด้วยธนูเต็มไปหมดแลดูเหมือนพู่ห้อย เห็นว่าข้าศึกคงคิดจะจับเป็น จึงให้อ้ายยันตังซึ่งเป็นศิษย์ตัดศีรษะตนเองตีฝ่าเอาไปถวายเจ้าลังกาเพื่อแสดงความจงรักภักดี นางละเวงแต่งตั้งนางรำภาสะหรีบุตรีของอิเรนเป็นนายด่านแทน ส่งให้ทหารมาช่วยรบป้องกันด่าน ฝ่ายพราหมณ์โมราดำริใช้เรือยนต์รบเพื่อบรรจุทหารแล่นอ้อมขึ้นเขาเข้าหลังป้อม
ทหารเมืองผลึกโจมตีชาวด่านแตกกระจัดกระจาย ศรีสุวรรณต่อสู้กับนางรำภาสะหรีนายด่าน อาวุธหลุดมือกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ศึกรบกลายเป็นศึกรักจนเกือบจะได้เสียกัน ก็พอดีผีอิเรนมาหลอกจึงต้องแยกจากกัน นางรำภาสะหรีเสียด่านพาทหารไปลังกา นางละเวงวัณฬารับเอาไว้เป็นน้องสาว แล้วให้นางยุพาผกาสุลาลีวันกับย่องตอดยอดทหารออกไปป้องกันด่านเขาเจ้าประจัญ นางยุพาผกาคิดอุบายให้ย่องตอดสะกดทัพจับเอาพวกนายทหารพระอภัยมณีไปลังกา แต่ย่องตอดจับได้แค่สามพราหมณ์ นางยุพาผกาให้ย่องตอดกลับไปจับใหม่ ย่องตอดถูกสิงโตของสินสมุทฟัด จับสินสมุทไม่ได้ แถมถูกสินสมุทฟันขม่อมจนสลบ พอแสงแดดแผดส่องอ้ายย่องตอดก็ฟื้นขึ้นมารบได้อีก เข้าต่อสู้กับสินสมุทจนหมดแรงต้องหนีไป ส่วนสามพราหมณ์พอสร่างมนต์สะกดของย่องตอด ฟื้นขึ้นมาก็รู้ว่าถูกจับ พราหมณ์สานนท์ร่ายมนต์เรียกพายุฝน สลัดเชือกที่ผูกหลุดหนีออกจากป้อมที่ขังเข้ารบกับทหารของนางยุพาผกา ทัพของนางยุพาผกา รำภาสะหรี สุลาลีวันเอาชนะไม่ได้ ได้แต่รักษาป้อมอยู่ จึงเขียนใบบอกแจ้งไปกรุงลังกา บาทหลวงให้นางละเวงลวงให้พระอภัยเป่าปี่พอไพร่พลหลับ ให้จับพระอภัยมณีฆ่าเสีย ส่วนศรีสุวรรณ สินสมุทและสามพราหมณ์กับทหารเมืองผลึกที่เหลือบาทหลวงรับจะเอาไฟเผากองทัพให้วินาศหมดสิ้น อุบายนี้นางละเวงไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะนางละเวงก็มีใจรักพระอภัยมณีอยู่มาก ตกกลางคืนนางละเวงฝันว่าบาทหลวงจุดไฟเผาทัพ พระอภัยมณีผวาเข้ามากอดนางละเวงจนกายคอดขาดกระเด็นเป็นสองท่อน นางยุพาผกาใช้ตำราของปีโปทำนายว่า พระอภัยมณีนอกจากจะไม่ตายตามอุบายแล้วยังได้นางละเวงด้วย ชาติและศาสนาฝรั่งจะเสื่อมลง ที่ว่าพระอภัยมณียื่นพระหัตถ์มาประคองนางละเวงไว้นั้น คือพระอภัยมณีจะรักษาสัจจะวาจาและจะรักนางละเวงตลอดไป ส่วนที่ว่าบาทหลวงเผาด้วยไฟอย่างรุนแรงนั้น หมายถึงบาทหลวงจะผูกโกรธราวกับไฟไม่ยอมหาย อีกอย่างหนึ่งพระปีโปเขียนหนังสือใส่แขนเสื้อมาเมื่อจนปัญญาให้เปิดออกดูก็ทำนายว่า อย่าฆ่าพระอภัยมณี เพราะเป็นคู่ของนางละเวงมาแด่ปางก่อน ถ้าพระบาทหลวงถามก็บอกว่าจะฆ่า จะมีผู้มีบุญจะมาช่วยได้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี และให้นางยุพาผกา นางสุลาลีวันทำตามแม่เลี้ยง นางรำภาสะหรีบอกว่า เมื่อทำศึกที่ด่านดงตาลตนได้ต่อตีกับศรีสุวรรณจนถึงกับปล้ำกัน ยังเหลือแค่จะเป็นผัวเมียกันเท่านั้น ทุกวันนี้ตนยังถือว่าศรีสุวรรณเป็นภัสดาของตนอยู่เลย ฉะนั้นถ้าศรีสุวรรณตายจะขอตายด้วย หนังสือมือเสื้อเขียนไว้ก่อนนานแล้วควรจะเชื่อถือได้ นางละเวงปรึกษาจะหย่าทัพอย่างไรจึงจะดี นางรำภาสะหรีออกอุบายว่าพวกเรายกออกไปรบกับพระอภัยมณีแล้วถ้าเธอไม่รบตามที่บอกมาในสาร เราก็ถอยทัพกลับเมือง เพราะเมื่อไม่ได้ทีจะฆ่าเขาได้อย่างไร ถ้าบาทหลวงรู้ จึงค่อยคิดแก้ไขเอาข้างหน้า นางละเวงกับพวกนางทั้งหลายทำเสน่ห์แล้วยกทัพไปพบพระอภัยมณีตามสัญญาว่าจะรบกันตัวต่อตัว พระอภัยมณีห้ามไม่ให้ผู้ใดทำร้ายนางละเวงเพราะหลงเสน่ห์ ศรีสุวรรณ สินสมุทก็พลอยหลงเสน่ห์นางรำภาสะหรี และนางยุพาผกาไปด้วย พระอภัยมณีฝันว่าจะมีเคราะห์ร้าย จึงให้สามพราหมณ์จัดพิธีเสดาะเคราะห์ให้ สามพราหมณ์ทูลห้ามว่าอย่าทรงเป่าปี่จะมีภัยใหญ่ ฝ่ายนางยุพาผกากับพวกคิดอุบายจะลักพาพระอภัยมณีไปกรุงลังกา จึงไปลวงบาทหลวงว่าให้แยกกันทำสงคราม แต่บาทหลวงก็ฉลาดบอกว่าถ้าฆ่าพระอภัยมณีได้ให้เอาผีไปให้ดูจึงจะเชื่อ นางยุพาผกาจึงกลับไปเตรียมการทุกๆอย่างเพื่อให้สมจริงตามอุบายที่คิดไว้ แล้วลอบไปเฝ้าพระภัยมณีโดยเอาผ้าสไบชุบเสน่ห์นางละเวงไปถวาย เพื่อหลอกให้พระอภัยเป่าปี่ พอทหารหลับก็ให้พระอภัยมณีปลอมเป็นสาวใช้นั่งท้ายรถทำทีเป็นบดยา นางรำภาสะหรีเอาเครื่องทรงพระอภัยมณีไปแต่งให้ศพทหารแล้วตัดคอทิ้งเพื่ออำพราง แล้วไปตะโกนบอกพระบาทหลวง ให้รีบดำเนินตามแผนการณ์ บาทหลวงมัวแต่ง่วงหลับกว่าจะปลุกทหารให้จุดไฟได้ก็เสียเวลาไปนาน จนพวกศรีสุวรรณ สินสมุท สามพราหมณ์และทหารฝ่ายพระอภัยมณีรู้ตัวตื่นขึ้นต่อสู้จนฝ่ายบาทหลวงแตกทัพกระจัดกระจาย แต่พอศรีสุวรรณ และสินสมุทตรวจพลก็พบว่าพระอภัยมณีหายไป ให้พราหมณ์ดูก็ทำนายว่า พระอภัยมณียังไม่ตายถูกผู้หญิงลักพาไป ต้นร้ายปลายดีไม่เป็นอะไร ศรีสุวรรณ สินสมุทจึงส่งทหารที่เก่งทางสะเดาะกุญแจ ย่องเบาอาชีพ และทหารพลางทำเสียงหมา – แมว เสียงไก่โดยสารว่าวกลของสามพราหมณ์เข้าไปสืบหาพระอภัยมณีในเมือง เห็นศพทรงเครื่องพระอภัยมณีถูกตัดคอห่อผ้า จึงเอาศีรษะศพมาถวาย บาทหลวงคิดกลลวงว่าจับเป็นพระอภัยมณีได้ ให้กองทัพศรีสุวรรณ สินสมุทถอยทัพกลับไป แล้วจะคืนพระอภัยให้ ศรีสุวรรณ สินสมุทไม่เชื่อ สินสมุทเอาเครื่องแต่งตัวของทูต ปลอมตัวเข้าไปในป้อมเที่ยวจุดไฟเผาที่ต่างๆ ศรีสุวรรณ กับสามพราหมณ์ยกเข้าป้อมได้สำเร็จ ครั้นเอาศีรษะศพมาต่อกับตัวศพต่อได้เข้ากัน แต่มิใช่พระอภัยมณีเพราะศพมีไฝที่แขน ก็รู้ว่าเป็นกลศึก จึงให้เอาศพทหารนั้นไปฝังเสีย นางละเวงวัณฬาให้พระอภัยมณีอยู่ในห้องเพื่อปิดไว้เป็นความลับ ส่วนนางละเวงหนีออกไปว่าราชการอยู่ภายนอก พระอภัยมณีหลงเสน่ห์เอ้กากลัดกลุ้มอยู่คนเดียวไม่ได้นางละเวงสักที จนนางยุพาผกากับนางรำภาสะหรีทิ้งป้อมเขาเจ้าประจัญมาถึงกรุงลังกา จึงหาอุบายให้พระอภัยมณีได้พบกับนางละเวง เพื่อให้นางละเวงอ้อนวอนให้พระอภัยมณีห้ามทัพศรีสุวรรณ สินสมุทกับสามพราหมณ์ที่ยกตามมาถึงกรุงลังกา ศรีสุวรรณ สินสมุทคิดอุบายทำเป็นราชสารจากพระอัยกา (ปู่)พระอัยกี(ย่า)กรุงรัตนาให้พระอภัยมณีรีบกลับไป พระอภัยมณีแกล้งประชวรไม่ยอมกลับเฝ้าแต่หลงเสน่ห์นางละเวงวัณฬา จนนางยุพาผกาคิดอุบายให้พระอภัยมณีผูกคอตาย แต่นางยุพาผกาแก้ไขทัน จนพระอภัยมณีได้นางละเวงในที่สุด

เรื่องย่อพระอภัยมณี(6)

ฝ่ายกรุงลังกาพวกเจ้าเมืองต่างๆแย่งกันอาสามาตีเมืองผลึก ทัพใครเอาชนะเมืองผลึกได้ก่อนจะได้ตราพระราหู ครองกรุงลังกา และจะได้อภิเษกกับนางละเวง
ทั้งเก้าทัพจึงรีบรุดมาทำศึกชิงนาง โดยแต่ละทัพหวังจะตีเมืองผลึกให้ได้ก่อนใครๆ พอมาถึงด่านปากน้ำก็เข้าโจมตีทันที ด้านพระอภัยมณีก็มัวแต่หลงรูปนางละเวงไม่เป็นอันที่จะคิดการศึก พระมเหสีสุวรรณมาลีต้องรวบรวมทหารทั้งหญิงชายออกสู้รบป้องกันพระนครไว้เป็นสามารถ จนถูกยิงด้วยธนูที่หัวไหล่ สุดสาคร เสาวคนธ์ และหัสไชย และทหารกรุงการะเวกช่วยนางสุวรรณมาลีสู้ศึกทั้งเก้าทัพอย่างเต็มที่ เมื่อศรีสุวรรณ และสินสมุททราบเรื่องจากทหารที่นางสุวรรณมาลีส่งไปตามที่กรุงรัตนาก็ยกกองเรือรีบรุดมา เผอิญเรือถูกพายุพัดออกนอกเส้นทางไปติดเกาะกลางทะเล ทหารที่ขึ้นไปหาฟืนหาน้ำบนเกาะถูกสิงโตเล็บทองแดงผัว – เมีย ไล่ สินสมุทออกไปต่อสู้ก็ฟันสิงโตไม่เข้าจับมันไม่ได้ ต้องเสกปลาให้กินจนมันหายโมโห เสกคาถาประพรมน้ำมนต์จนมันเชื่องทั้งพ่อ – แม่ และลูกอีกสองตัวนำขึ้นเรือเอาไว้ขี่ออกสงคราม การเดินทางกว่าจะถึงเมืองผลึกกินเวลาถึงเจ็ดเดือน สงครามเก้าทัพยังรบติดพันเมืองผลึกอยู่อย่างรุนแรง นางสุวรรณมาลีเล่าเรื่องต่างๆให้ศรีสุวรรณและสินสมุทฟังโดยละเอียด สินสมุทออกไปหาสุดสาครก็รู้ว่าเป็นน้อง จึงพาสุดสาครเข้าวังเพื่อแก้รูปผีสิงที่ทำให้พระอภัยมณีหลงไหล เมื่อรูปผีสิงถูกไม้เท้าพระเจ้าตาทำลายไปแล้วพระอภัยมณีก็กลับมาเป็นปรกติ ยกออกไปสู้รบกับเก้าทัพที่ยังล้อมเมืองผลึกอยู่ เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่พระราชวงศ์โดยเฉพาะพระอภัยมณีอยากดูฤทธิ์เดชของพระโอรสทั้งสองพระองค์ จึงให้ทำการรบแบบกษัตริย์สงคราม ซึ่งต่างฝ่ายไม่ต้องสูญเสียไพร่พล สินสมุท สุดสาคร และศรีสุวรรณ เอาชนะโดยสังหารเจ้าคุลา เจ้ากวิน และเจ้าละเมด ที่ต่างมีอาวุธวิเศษคนละแบบได้ แต่พอมาถึงรายจีนตั๋งตัวฝังเพชรคงทนศาสตราวุธ ใช้อาวุธร้ายทุรันน้ำมันไฟ ฟาดโดนใครไฟพิษติดท่วมตัว มันฟาดทุรันโดนสินสมุท และสุดสาครสลบทั้งสององค์ แถมยังฟาดถูกนิ้วมือถือกระบองของศรีสุวรรณจนพองแดงรักษาไม่บรรเทาเสียอีกด้วย นางเสาวคนธ์และหัสไชยเข้าต่อสู้ ยิงธนูถูกลูกตาข้างขวาของจีนตั๋ง ก็พอดีพลบค่ำจีนตั๋งจึงตีกลองอย่าทัพ
สินสมุท สุดสาคร สลบแก้ไม่ฟื้น ส่วนการบาดเจ็บของศรีสุวรรณ จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย สุดปัญญาของหมอที่รักษา แต่เนื่องจากเก้าทัพที่ยกมาตีเมืองผลึกในครั้งนี้เป็นศึกชิงนางละเวง พวกเจ้าเมืองที่ยกมาต่างก็ริษยากัน ไม่อยากให้ใครเป็นฝ่ายชนะเมืองผลึกก่อน จึงแอบมาบอกว่ายาแก้พิษทุรันน้ำมันไฟ คือ น้ำฝน แต่เนื่องจากเป็นหน้าแล้ง หาน้ำฝนไม่ได้ พราหมณ์สานนต้องทำพิธีเรียกฝน เอาน้ำฝนมาสรงน้ำสินสมุท และสุดสาครฟื้น ศรีสุวรรณหายจากพิษ พระอภัยมณีให้สานนเรียกพายุฝนลูกเห็บพัดใส่พวกเก้าทัพจนตั้งตัวไม่ติด และยกทหารเข้าโจมตีซ้ำทั้งกลางคืน พอรุ่งเช้าก็ได้ชัยชนะ
พระอภัยมณีตรัสให้พระมเหสีสุวรรณมาลีบำเหน็จรางวัลเหล่าทหารหาญชนะศึก รวมทั้งทหารเมืองการะเวกจนถ้วนทั่ว อำมาตย์เมืองการะเวกทูลพระอภัยมณีขอสุดสาครเป็นลูกเจ้าเมืองการะเวกตามที่รับสั่งมา พระอภัยมณีคิดการณ์ยกทัพไปตีเมืองใหม่เพื่อตัดศึก เพราะนางละเวงวัณฬาเพิ่งมีอายุแค่สิบเก้าปี ยังสาวหลอกให้เจ้าเมืองทั่วโลกมาตีเมืองผลึกได้ไม่หยุดหย่อน อาจจะมีสักคราวที่เมืองผลึกต้องพ่ายแพ้ เพราะฉะนั้นต้องตัดศึกด้วยการสังหารเจ้าเมืองลังกาต้นเหตุให้ได้ ศึกจึงจะระงับไปเอง พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ และสินสมุท จึงยกออกไปตีเมืองใหม่ของนางละเวง ขณะนั้นมะหุดบุตรท้าวเจ้าฝรั่ง กับระเด่นเซ็นระด่ำเมืองชวา สองทัพมาอาสานางละเวงจะไปตีเมืองผลึก ต้องจับฉลากเรียงลำดับออกรบกับทัพพระอภัยมณี มะหุด จับฉลากได้รบก่อนยิงปืนใหญ่ถูกพุงสินสมุทสลบตกเรือจมสะดือทะเล ทัพของศรีสุวรรณ และทัพหลวงของพระอภัยมณีตีทัพมะหุดแตกล่นถอยมา ทัพของระเด่นเซ็นระด่ำซึ่งจับฉลากได้รบทีหลังยกเข้าตีตลบหลังทัพมะหุดเพราะอิจฉาเข้าไปอีก ทัพพระอภัยมณี ศรีสุวรรณจึงตีทั้งทัพมะหุดและทัพระเด่นฯแตกพ่ายไม่เป็นท่า สินสมุทพอถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงถูกสลบตกลงไปในน้ำก็จมดิ่งลงไป แต่ครั้นน้ำขึ้นคลื่นก็ตีลอยขึ้นไปบนหาด ด้วยความเป็นลูกนางผีเสื้อ และเคยเรียนเวทมนต์มาจากพระเจ้าตา พอถูกแสงแดดและสายลมก็ฟื้น เห็นนางละเวงวัณฬานั่งอยู่ในเก้าอี้ทองบนป้อม ก็ชมว่าผู้หญิงคนนี้ช่างสวยจริงๆ และเป็นต้นเหตุของสงคราม ถ้าฆ่าให้ตายก็จะหมดเรื่อง แต่คิดอีกทีก็เสียดายความสวยงาม ถ้าจับเป็นได้ก็จะดี พอทหารเปิดประตูป้อมออกมาเพื่อห้ามศึกระหว่างมะหุดกับระเด่น สินสมุทก็วิ่งสวนเข้าไปไล่จับนางละเวงทันที นางละเวงรู้เพลงรบ วิ่งหนีปะปนไปกับพวกสาวสุรางค์นางกำนัล พอสินสมุทจะไล่ทัน นางละเวงก็ฟาดด้วยตราพระราหูจนสินสมุทสลบ พอถูกรุมจับสินสมุทก็ฟื้นถอยหลังกลับ กระโดดกำแหงไปจับมะหุดกับระเด่นไปถวายพระอภัยมณี
นางละเวงสั่งทหารให้ดัดแปลงป้อมใส่กรงเหล็กเป็นประตูกล ดัดแปลงรถเป็นกรงกล ถ้าใครขึ้นไปก็จะกลายเป็นกรงเหล็กครอบขังไว้ทันที ให้ทำรูปนางละเวงหลอกไว้ตรงที่เป็นกรงเหล็กหลายๆแห่ง พวกทัพเมืองผลึกโถมเข้าตีพากันติดกรงกลของนางละเวงจนครบถ้วน พระอภัยมณีเห็นเสียทีศึกจึงเป่าปี่ห้ามปรามณรงค์ ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายหลับไหลไม่ได้สติ ยังแต่นางละเวงเพราะมีตราพระราหูคุ้มครอง ด้วยความแค้นนางละเวงคิดแลกชีวิตกับพระอภัยมณี จึงทรงม้าถือธนูมาลอบยิงพระอภัยมณี ลูกศรอันแรกถูกปี่หลุดกระเด็น ลูกที่สองถูกเกราะพระอภัยมณี พระอภัยมณีชักพระแสงออกแกว่งสู้พอแสงไฟสว่างเห็นหน้านางละเวงก็หลงไหล จึงเจรจาเกี้ยวพาราศรีนางละเวง นางละเวงต่อรองให้ปลุกกองทัพให้ตื่นก่อน ทั้งเปล่ามนต์เสน่ฟ์ไปที่พระอภัยมณีแล้วชักม้าแฝงไฟหนีไป พระอภัยมณีต้องเป่าปี่เรียกนางกลับมา นางละเวงได้สติคิดว่าปี่นี้สำคัญนักขืนอยู่ฟังต่อไป ต้องตกหลุมรักพระอภัยมณีจนมีผัวแน่ๆ จึงขับม้าทิ้งกองทัพไปกรุงลังกาตามลำพังผู้เดียว ในระหว่างทางได้พลัดหลงป่าเข้าไปเขตเขาอังกาศ ต้องพักแรมคืนบนภูเขา พอรุ่งเช้าขณะที่วักน้ำล้างหน้าได้ยินเสียงธรณีลั่นสั่นสะเทือน เกิดนมพระธรณีขนาดเท่าน้ำเต้าทอง ลองชิมดูมีรสอร่อยชื่นใจ ม้าทรงวิ่งมาหาอ้าปากจะขอกินบ้าง นางละเวงกินจนอิ่มหมดไปครึ่งซีก จ้าวเขามาขอกินบ้าง นางละเวงจึงถามทางไปกรุงลังกา จ้าวเขาเล่าเรื่องนมพระธรณีหรือดินถนันให้นางละเวงรู้ แล้วชี้ว่าให้เดินทางเลียบเขาไปทางขวาจะได้ลาภปราบไพรี เพราะจะได้พบกับพระปีโปให้ไปถามท่านดู นางละเวงเดินทางต่อไปก็ถูกพวกโจรปล้นจนเกิดการต่อสู้ขึ้น ในขณะที่นางละเวงจะเสียทีโจรนั้นชาวบ้านสิกคารนำ หรือชาวบ้าน เขาเขียว ก็รีบรุดมาช่วยขับไล่พวกโจร นางละเวงพักอยู่ในหมู่บ้านสิกคารนำหนึ่งคืนได้พบพระปีโป พระปีโปสอนว่า ถ้าจะมีไมตรีกัน ก็จะผันผ่อนได้ดังใจปองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ “ที่มีปี่ก็เพราะมีหู ถ้าไม่มีหูก็ไม่มีปี่ และอำนาจฤทธิ์ก็สู้อำนาจปัญญาไม่ได้ นางละเวงจึงขอนางยุพาผกากับนางสุลาลีวันไปเป็นลูก พระปีโปและชาวบ้านสิกคารนำจัดรถทรงอย่างดีส่งเสด็จ ขบวนเดินทางของนางละเวงรอนแรมมาถึงถ้ำกลำพันตกกลางคืนเจ้าย่องตอดย่องเข้ามาสะกดจับม้ากินจนหมดสิ้น ติดใจจะกินมนุษย์อีกถูกนางละเวงใช้ตราพระราหูจับได้ ยอมรับใช้เป็นม้าลากรถแทนม้าที่ถูกจับกิน และพาไปตั้งศาลพระกาฬกำกัดผีจนเสร็จสิ้น