Sunday, October 08, 2006

เรื่องย่อพระอภัยมณี(11)

สำหรับเรื่องราวของนางเสาวคนธ์แปลงตัวเป็นพราหมณ์ล่องท่องทะเลมาหนึ่งเดือนเศษก็มาถึงเกาะชุมเพลิงเขตเมืองวาหุโลม เกาะนี้แต่เดิมเล่ากันว่ามีแต่พระยานาคพ่นพิษเป็นไฟจนไม่มีอะไรอยู่อาศัยได้ พระนารายณ์มาปิดช่องที่นาคผุด และถอนพิษพวกนาคจนเหลือเฉพาะปล่องเพลิงใหญ่เท่ากับภูเขา มีแม่น้ำไหลมาจากเมืองพระอินทร์ แม้นใครกินแก้บาปอาบก็ดี เห็นว่าเป็นเมืองร้าย ควรจอดเรือขึ้นทางฝั่งเมืองอีกฟากหนึ่ง นางเสาวคนธ์จึงปลอมเป็นพระฤาษีชื่อว่าพระอัคนี พวกติดตามต่างแต่งกายเป็นชีพราหมณ์ประกาศเทศนาพระพุทธศาสนาแก่พวกทมิฬที่ด่านปากน้ำ พวกทมิฬมาฟังเทศน์แล้วไม่ได้สิ่งของ แสดงอาการดูถูกเหยียดหยาม พระอัคนีกับพวกสู้รบกันนายด่านปากน้ำ นายด่านถูกลูกศรตาย ชาวทมิฬพ่ายแพ้ ลูกนายด่านสองคนมาร้องขอให้พระอัคนีช่วย พระอัคนีกับพวกรู้ว่านายด่านปากน้ำเพียงแต่สลบไปเท่านั้น จึงนวดฟั้นใส่ยาแก้ไขจนฟื้น พระอัคนีไม่เอาผิด ไม่ต้องการบ้านเมืองหรือทรัพย์สินของผู้ใด นายด่านปากน้ำและชาวทมิฬทั้งหลายหันมานับถือพระฤาษี นายด่านศรัทธามากถึงกลับถวายลูกทั้งสองคนให้พระฤาษีบวชให้ เมื่อแรกรบกันนายด่านต่างๆรายงานว่าพระฤาษีกับพวกเป็นโจรโจมตีรุกรานด่านชายทะเล เมื่อพระอัคนีแก้ไขนายด่านฟื้นคืน ไม่เอาผิด ไม่รบกวนชาวบ้าน ไม่ต้องการบ้านเมืองหรือทรัพย์สินของผู้ใด ต้องการจะไปเที่ยวชมเมืองโรมวิสัยเท่านั้น นายด่านจึงทำหนังสือขอความสะดวกขอเปิดด่านอีกเจ็ดด่าน เจ้าเมืองวาหุโลมรู้ข่าว สั่งให้ราหูเฒ่าซึ่งเป็นเจ้าเมืองตะวันด่านชั้นสามขี่กิเลนยกทัพมาจับนายด่านปากน้ำฐานขบถ ให้ฆ่าทั้งโคตร ราหูลวงนายด่านให้เข้าเฝ้าเจ้าเมืองวาหุโลมแสดงความจงรักภักดี นายด่านปากน้ำปรึกษาพระอัคนีแล้วตกลงทำตามที่ราหูลวง และคิดซ้อนกลให้มาลัยมาลากระเทยปลอมตัวเป็นชาวด่านถือหนังลับไว้เปิดอ่านตอนคับขันจะได้ช่วยกันแก้ไข และให้ทหารแปลงกายแบกขนสิ่งของติดตามนายด่านเข้าไปแทรกปะปนอยู่ตามเมืองรายทาง เจ้าเมืองวาหุโลมตัดสินแห่ตระเวนนายด่านที่ว่าเป็นขบถไปตามถนนในเมืองบังคับให้ร้องว่า ใครอย่าเอาเยี่ยงอย่าง ข้าคนขบถ ฝ่ายมาลัยมาลาเห็นว่าคับขันแล้วจึงเปิดหนังสือลับของพระอัคนีออกดู แอบแทรกเข้าไปกระซิบบอกความลับนายด่าน พอคนมามุงดูมากๆ นายด่านจึงตะโกนบอกคนทั้งนั้นว่า เจ้าเมืองเป็นคนไม่ยุติธรรมให้มาเฝ้าแล้วมาสั่งให้ฆ่า รู้เช่นนี้ยกทัพมาสู้กันจะดีกว่า อยากรู้ว่าจะมีน้ำหน้าจะเอาชนะได้หรือไม่ เจ้าวาหุโลมรู้ข่าวให้ทำธงปล่อยตัวนายด่านไป ดูว่ามันจะยกมาสู้ตามที่พูดหรือไม่ นายด่านปากน้ำถือธงปล่อยตัวปลุกระดมพวกที่เกลียดชังเจ้าวาหุโลมไปตลอดทาง ฝ่ายมาลัยมาลายังคงคุมทหารปลอมปนอยู่ในเมืองคอยเป็นไส้ศึกต่อไป
ฝ่ายนางเสาวคนธ์ปลอมเป็นพระฤาษีอัคนีคาดว่านายด่านที่ขึ้นไปเฝ้าคงจะถูกเจ้าเมืองวาหุโลมคิดจะฆ่าแน่นอน แต่ที่ปล่อยให้นายด่านไปก็เพื่อคิดกลแทรกทหารเข้าไปไว้ในเมืองต่างๆและรีบฝึกพวกชาวบ้านให้มีความรู้ในการรบ ซึ่งเป็นวิธีของเมืองการะเวก เมื่อนายด่านกลับมาถึงแจ้งเรื่องให้ทราบก็สอนทหารและนายด่านถึงยุทธวิธีการรบสู้และกำชับว่าถ้าเขาไม่รบก่อน ฝ่ายเราจะตั้งนิ่งไว้ไม่ต้องออกรบ เพราะไม่ต้องการชีวิตและสมบัติของใคร ฝ่ายราหูเจ้าเมืองตะวันทราบสารเมืองวาหุโลมสั่งมาให้จับเป็นนายด่านส่งกลับไปเมืองหลวง จึงขับพลเข้าหักด่าน สู้ชาวบ้านที่เป็นพวกของฤาษีกับนายด่านไม่ได้ ราหูถูกจับ แต่พระอัคนีก็ได้อธิบายความประสงค์ให้เข้าใจ เฒ่าราหูจึงกลับเป็นฝ่ายพระอัคนีอีกคน พระอัคนีใช้นโยบายไม่ฆ่า ไม่ต้องการสมบัติเอาชนะด่านต่างๆตามรายทางมาตลอด จนกระทั่งรบกับเจ้าวาหุโลมกับนายด่านพระกาล จับได้ทั้งสองคน นางเสาวคนธ์หรือฤาษีพระอัคนีก็ไม่เอาโทษถวายคืนทุกอย่างให้กลับไปปกครองประเทศเหมือนเดิม แต่เจ้าเมืองวาหุโลมรักยศรักศักดิ์ศรียอมตายดีกว่าอยู่ให้ได้อาย จึงเอาเลือดเขียนสไบแจ้งให้ลูกชายชื่อวาโหมทราบว่า พระฤาษีไม่ได้ทำอันตรายใดๆ เป็นแต่พ่อสู้รบแล้วพ่ายแพ้เป็นที่น่าอาย พ่อขอไว้ชื่อเชือดคอตายเอง ขอให้นับถือพระฤาษีเอาไว้เป็นที่พึ่งต่อไปด้วย
นางเสาวคนธ์หรือพระฤาษีอัคนีทำมณฑปตั้งพระศพเจ้าวาหุโลมอย่างสมเกียรติ คอยวาโหมออกมารับไปจัดการศพตามประเพณี นางพระยาวาหุโลมกับพระโอรสวาโหมออกมารับพระศพ เชิญให้พระอัคนีเข้าเมือง นางเสาวคนธ์ปรึกษานางพี่เลี้ยงว่าดินแดนทมิฬกว้างใหญ่เหลือเกินการจะเที่ยวปราบปรามชักชวนให้คนมานับถือพระพุทธศาสนาทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก ครั้นจะกลับกรุงการะเวกก็อับอาย หากจะล่องอยู่ในทะเลสักวันหนึ่งสุดสาครก็คงมาตามจนพบ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี คิดไม่ตกจนป่วยไข้ ส่วนทางด้านสุดสาครตามมาถึงเกาะค้างคาวยาวขวางอ่าวอยู่ สุดสาครได้เรียนอุปเท่ห์สตรีกับผู้เฒ่าที่มีเมียเป็นร้อยที่เกาะนี้ พอเข้าไปในอ่าวก็เห็นประตูด่านและเรือจอดอยู่ เข้าไปถามก็พบกับคนที่รู้จัก จึงได้รู้ว่านางเสาวคนธ์เข้าไปเมืองวาหุโลม ด้านพระฤาษีอัคนีเป็นไข้ใจป่วยจนซูบผอม พวกพี่เลี้ยงเห็นว่ามีอายุเข้ายี่สิบห้าตกที่มีเคราะห์จึงให้สึกหาลาพรต เพื่อจะได้ทำพลีกรรมถวาย หลังจากทำพลีกรรมแล้วนางเสาวคนธ์ก็หายป่วยอ้วนท้วนดีขึ้น สุดสาครเดินทางมาจากด่านปากน้ำล่วงเวลายี่สิบวันจึงถึงเมืองวาหุโลม สุดสาครได้นางเสาวคนธ์ในที่สุด นางเสาวคนธ์กับสุดสาครอยู่เมืองวาหุโลมหลายเดือน เกรงว่าพวกทมิฬจะรู้เรื่องว่าพระอัคนีเป็นผู้หญิงประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งนางเสาวคนธ์อาจจะตั้งครรภ์ขึ้นก็ได้ พระอัคนีจึงมอบเมืองให้วาโหมปกครอง และบำเหน็จรางวัลแก่ทหารจนครบถ้วน เพื่อจะลาจากไปไม่ให้มีใครรู้ความจริง ครั้นจะกลับไปเมืองการะเวกในทันทีก็อายที่เป็นคนหุนหันพลันแล่นหนีจากมา นางเสาวคนธ์จึงปรึกษากับสุดสาครว่าจะแต่งคนลงเรือน้อยคอยฟังข่าวเมืองการะเวก หากมีศึกสงครามหรือพระชนกชนนีทรงพระประชวรจึงจะกลับไปช่วย เพื่อทำความดีถ่ายโทษ สุดสาครกับเสาวคนธ์จึงออกไปคอยฟังข่าวอยู่ที่ด่านปากน้ำ

No comments: